สาธารณรัฐจีน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

中華民國
Zhōnghuá Mínguó
จงหัว หมินกั๋ว
สาธารณรัฐจีน
ธงชาติไต้หวัน ตราแผ่นดินของไต้หวัน
ธงชาติ ตราแผ่นดิน
เพลงชาติ"เพลงชาติสาธารณรัฐจีน"
ที่ตั้งของไต้หวัน
เมืองหลวง
(และเมืองใหญ่สุด)
ไทเป

25°02′N 121°38′E

ภาษาทางการ ภาษาจีนกลาง
รัฐบาล ระบบกึ่งประธานาธิบดี
 -  ประธานาธิบดี หม่า อิงจิ่ว
 -  นายกรัฐมนตรี อู๋ ตุนอี้
การสถาปนา
  ประกาศวันชาติ
ได้รับการสถาปนาวันชาติ
ย้ายสู่เกาะไต้หวัน

10 ตุลาคม พ.ศ. 2454
1 มกราคม พ.ศ. 2455
7 ธันวาคม พ.ศ. 2492 
เนื้อที่
 -  ทั้งหมด 35,980 กม.² (ลำดับที่ 138)
 -  พื้นน้ำ (%) 2.8
ประชากร
 -  ก.ค. 2551 ประมาณ 25,341,602 (อันดับที่ 47 2)
 -  ความหนาแน่น 640/กม.² (อันดับที่ 14 2)
GDP (PPP) 2548 ประมาณ
 -  รวม 668.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 16)
 -  ต่อประชากร 29,000 ดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 24)
HDI (2546) 0.910 (สูง) (อันดับที่ 24 (ถ้าได้รับการจัดอันดับ) 3)
สกุลเงิน ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ (NT$) (TWD)
เขตเวลา CST (UTC+8)
รหัสอินเทอร์เน็ต .tw
รหัสโทรศัพท์ +886

สาธารณรัฐจีน (อังกฤษ: Republic of China; จีนตัวเต็ม: 中華民國; จีนตัวย่อ: 中华民国; พินอิน: Zhōnghuá Mínguó) หรือในบางครั้งเรียกว่า จีนไทเป (อังกฤษ: Chinese Taipei; จีนตัวเต็ม: 中華臺北, 中華台北; จีนตัวย่อ: 中华台北) สาธารณรัฐจีนปกครองโดยจีนแผ่นดินใหญ่ต่อจากราชวงศ์ชิงในระหว่างปี พ.ศ. 2455-2492 (ค.ศ. 1912-1949) จนพ่ายต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน (中国共产党/中國共產黨) และอพยพมาตั้งการปกครองอยู่บนเกาะไต้หวันตั้งแต่ พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) เป็นต้นมา ปัจจุบัน ดินแดนในการปกครองของสาธารณรัฐจีน ประกอบไปด้วย เกาะไต้หวัน หมู่เกาะเผิงหู (澎湖群島) เกาะจินเหมิน (金門群島) และหมู่เกาะหมาจู่ (馬祖群島) และเกาะเล็กเกาะน้อยอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่ง

ชื่อ ไต้หวัน เป็นชื่อเดิมที่รู้จักแพร่หลายกว่าชื่อสาธารณรัฐจีน เหมือนกับคำว่าประเทศจีนอันเข้าใจว่าหมายถึง จีนแผ่นดินใหญ่ที่ไม่รวมฮ่องกงและมาเก๊า บางครั้งอาจเรียกว่า สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เพื่อลดความกำกวม

สาธารณรัฐจีนให้เสรีภาพในการนับถือศาสนาของพลเมือง ในสาธารณรัฐจีนมีศาสนาหลัก ๆ คือศาสนาพุทธผสมเต๋าและขงจื้อ นอกจากนี้ยังมีการพยายามเผยแพร่ลัทธิวิถีอนุตตรธรรมด้วย สัดส่วนผู้นับถือศาสนาของคนไต้หวันคือ พุทธ 80% คริสต์ 15% และอื่น ๆ 5%

เนื้อหา

[แก้] ประวัติศาสตร์

พ.ศ. 2454 (ค.ศ. 1911) -การจลาจลหวูฮันในประเทศจีน เป็นจุดเริ่มต้นการล่มสลายของราชวงศ์ชิง เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้ามามีอำนาจในจีนในปี พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) พรรคก๊กมินตั๋ง พรรคการเมืองเมืองชาตินิยมของจีนที่เป็นฝ่ายแพ้ก็พาผู้คนอพยพหนีออกจากแผ่นดินใหญ่มาตั้งหลักที่ไต้หวัน เพื่อวางแผนกลับไปครองอำนาจในจีนต่อไป

ชาวจีนมากกว่า 1 ล้าน 5 แสนคน อพยพตามมาอยู่ที่เกาะไต้หวันในยุคที่เหมา เจ๋อตงมีอำนาจเต็มที่ในจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้นำของประเทศทั้งสองจีน คือผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์กับผู้นำสาธารณรัฐจีนบนเกาะไต้หวัน แย่งกันเป็นกระบอกเสียงของประชาชนจีนในเวทีโลก แต่เสียงของนานาประเทศส่วนใหญ่เกรงอิทธิพลของจีนแผ่นดินใหญ่ จึงให้การยอมรับจีนแผ่นดินใหญ่มากกว่า

ในปี พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) ก่อนที่นายพล เจียง ไคเช็ก (General Chiang Kaishek) (ภาษาจีน:蔣中正) จะถึงอสัญกรรมไม่กี่ปี ไต้หวันซึ่งเป็นประเทศที่ร่วมก่อตั้งองค์การสหประชาชาติได้สูญเสียสมาชิกภาพในฐานะประเทศตัวแทนชาวจีนให้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน ในปี พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) สหประชาชาติก็ประกาศรับรองจีนเดียวคือจีนแผ่นดินใหญ่และตัดสัมพันธ์ทางการเมืองกับไต้หวัน ทั้งสหรัฐอเมริกาก็ได้ถอนการรับรองว่าไต้หวันมีฐานะเป็นรัฐ ไต้หวันจึงกลายเป็นเพียงดินแดนที่จีนอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

เมื่อเจียง ไคเช็ก ถึงแก่อสัญกรรมในปี พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) ลูกชายของเจียงชื่อ เจียง จิ้งกวั๊ะ (Chiang Chingkuo) ได้เป็นผู้สืบทอดการปกครองไต้หวันต่อ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนบิดา ในที่สุดอำนาจการปกครองก็ถูกถ่ายโอนไปให้พรรคการเมืองตรงกันข้าม นั่นก็คือพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า หลังจากไคเช็กตายไปเพียง 2 ปีเท่านั้น

ประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งเกิดในไต้หวัน ชื่อ หลี่ เติงฮุย (Lee Tenghui) ขึ้นบริหารประเทศ รัฐบาลจีนที่ปักกิ่งได้ตั้งฉายาประธานาธิบดีไต้หวันคนใหม่ว่า "จิ้งจกปากหวาน" (A sweet-Talking Chameleon) ช่วงเวลาที่นายหลี่ เติงฮุย เป็นประธานาธิบดี การเมืองของไต้หวันเกิดการแตกแยกออกเป็น 3 ฝ่ายคือ 1) พวกก๊กมินตั๋ง ที่ต้องการกลับไปรวมประเทศกับจีนแผ่นดินใหญ่ 2) พวกที่ต้องการให้ไต้หวันเป็นประเทศอิสระไม่เกี่ยวข้องกับจีนแผ่นดินใหญ่ และ 3) พวกอนุรักษ์นิยมต้องการดำรงฐานะของประเทศไว้ดังเดิมต่อไป

ไต้หวันกับจีนแผ่นดินใหญ่นัดเจรจาหาทางออกของข้อขัดแย้งทางการเมืองครั้งแรกที่สิงคโปร์เมื่อปี พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) แต่ปรากฏว่าจีนแผ่นดินใหญ่ประวิงเวลาการลงนามในสัญญาหลายฉบับที่เป็นข้อตกลงร่วมกัน ทำให้ผลของการเจรจาคราวนั้นไม่ก้าวหน้าไปถึงไหน ความสัมพันธ์ระหว่างสองจีนเลวร้ายลงทุกที เมื่อประธานาธิบดีหลี่ เติงฮุย เดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกาและได้รับการยอมรับอย่างเอิกเกริก ทำให้จีนแผ่นดินใหญ่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงกระทำการข่มขวัญไต้หวันกับประเทศที่ให้การสนับสนุนไต้หวัน ด้วยการทำการซ้อมรบขึ้นใกล้ ๆ เกาะไต้หวัน สหรัฐอเมริกาออกมาแสดงอาการปกป้องคุ้มครองไต้หวันด้วยการส่งกำลังกองเรือรบของสหรัฐฯ มาป้วนเปี้ยนอยู่ในน่านน้ำที่จีนซ้อมรบ

ขณะที่โลกกำลังล่อแหลมกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดในน่านน้ำจีนมากขึ้นทุกทีนั้น ไต้หวันก็จัดให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ และในการเลือกตั้งครั้งใหม่นั้นเอง ไต้หวันก็ได้นายหลี่ เติงฮุย เป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง

ไต้หวันเข้าสู่สภาวะวิกฤต เมื่อเกิดแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) ทำให้ประชากรส่วนมากที่เป็นชาวพื้นเมืองเสียชีวิตไป 2,000 คน ทั้งเมืองมีแต่เศษซากสิ่งปรักหักพังที่เกิดจากภัยธรรมชาติ และช่วงนี้ไต้หวันต้องเผชิญความยากลำบากจากภัยธรรมชาติร้ายแรง จีนแผ่นดินใหญ่ก็เพิ่มความกดดันไม่ให้นานาชาติเข้ามายุ่งเกี่ยวกับไต้หวันแม้ในยามคับขันเช่นนี้ โดยออกมาประกาศว่า หากมีประเทศใดจะเข้าไปให้ความช่วยเหลือไต้หวัน จะต้องได้รับอนุญาตจากจีนก่อน ซึ่งคำประกาศของจีนแผ่นดินใหญ่สวนทางกับเมตตาธรรมของประเทศทั่วโลกที่ต้องการให้ความช่วยเหลือไต้หวัน

เดือนมีนาคม พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) มีการเลือกตั้งใหม่ในไต้หวัน ชาวไต้หวันเลือกผู้แทนจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า คือ นายเฉิน สุยเปี่ยน (Chen Shui-bian) เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวัน ผู้ประกาศนโยบายการเมืองแข็งกร้าวว่าไต้หวันต้องการแยกตัวเป็นอิสระจากจีนแผ่นดินใหญ่ ยุติยุคของพรรคชาตินิยมที่ยังฝักใฝ่แผ่นดินใหญ่อยู่ จีนแผ่นดินใหญ่จึงถือว่าเป็นกบฏต่อการปกครองของจีน เพราะแต่ไหนแต่ไรมา ไต้หวันไม่เคยกล้าประกาศอย่างเป็นทางการว่าไต้หวันเป็นอิสระจากจีน และจีนพูดอยู่เสมอว่าไต้หวันเป็นเด็กในปกครองที่ค่อนข้างจะหัวดื้อและเกเร หากไต้หวันประกาศว่าเป็นอิสระจากจีนเมื่อใด จีนก็จะยกกำลังจัดการกับไต้หวันทันที

ในขณะที่ความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างสองจีนในสายตาชาวโลกเลวร้ายลง จีนทั้งสองกลับมีการติดต่อทางการค้ากันมากขึ้น มีการผ่อนปรนอนุญาตให้ชาวไต้หวันเดินทางไปจีนแผ่นดินใหญ่เพื่อเยี่ยมญาติได้ เกิดปรากฏการสำคัญคือนักธุรกิจไต้หวันหอบเงินทุนมากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปลงทุนดำเนินธุรกิจทางตอนใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่ จนกระทั่งขณะนี้ชาวไต้หวันกลายเป็นนักลงทุนรายใหญ่เป็นลำดับ 2 ของจีน

แต่ความไม่แน่นอนยังคงมีอยู่ต่อไป เมื่อประธานาธิบดีบิลล์ คลินตัน มาเยือนจีนอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) นักวิจารณ์การเมืองเริ่มประเมินกันว่าอนาคตทางการเมืองของไต้หวันเริ่มไม่มั่นคง

[แก้] การเมือง

การเมืองการปกครอง ประธานาธิบดี (President) ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน คือ นายเฉิน สุยเปียน สังกัดพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (Democratic Progressive Party หรือ DPP) ซึ่งได้รับการเลือกตั้งในวาระแรกเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2543 โดยรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2543 และต่อมาก็ได้รับการเลือกตั้งในวาระที่ 2 เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2547 โดยรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2547อำนาจพิเศษของประธานาธิบดีรวมถึงการแต่งตั้งและถอดถอนข้าราชการของสภาควบคุม และสภาตุลาการ (The Control and Judicial Yuans) แก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างอำนาจในการบริหารสภา (inter-Yuan) และการใช้อำนาจในสภาวะการณ์ฉุกเฉิน นอกจากนั้น ประธานาธิบดียังเป็นประธานของสภาความมั่นคงแห่งชาติโดยตำแหน่ง ประธานาธิบดีมาจากการเลือกตั้งโดยตรง มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี และดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 สมัย การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งต่อไปจะจัดขึ้นในปี 2551

รัฐธรรมนูญการปกครองแบบ 5 อำนาจ (5 สภา) (The Five Yuans) รัฐธรรมนูญไต้หวันได้จัดแบ่งอำนาจอธิปไตยออกเป็น 5 สภา ได้แก่ (1) สภาบริหาร (The Executive Yuan) (2) สภานิติบัญญัติ (The Legislative Yuan) (3) สภาตุลาการ (The Judical Yuan) (4) สภาตรวจสอบและคัดเลือก (The Examination Yuan) (5) สภาควบคุม (The Control yuan) เป็นส่วนของการบริหารประเทศสูงสุด

สภาบริหาร (The Executive Yuan) (คณะรัฐมนตรี) สภาบริหารมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานรับผิดชอบการสร้างนโยบายของชาติและทำให้บังเกิดผล มีการจัดองค์การย่อย 3 ระดับ ภายใต้สภาบริหาร คือ (1) คณะมนตรีสภาบริหาร (Executive Yuan Council) คือ คณะรัฐมนตรี (2) องค์การบริหาร (Executive Organizations) คือกระทรวง และคณะกรรมาธิการ ต่าง ๆ ที่มีฐานะเทียบเท่ากระทรวง (3) หน่วยงานขึ้นตรง (Subordinate Departments) รวมไปถึงสำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง และสำนักงานสถิติ กรมประชาสัมพันธ์ และคณะกรรมาธิการพิเศษอื่น ๆ และ คณะกรรมาธิการเฉพาะกิจ

สภานิติบัญญัติ (The Legislative Yuan) สภานิติบัญญัติเป็นตัวแทนของประชาชนในการผ่านการออกกฎหมายและควบคุมการทำงานของสภาบริหาร ผู้แทนของสภานิติบัญญัติมาจากการเลือกตั้ง มีวาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปี ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 221 คน สภานิติบัญญัติมีสมัยประชุมปีละ 2 ครั้ง และมีอำนาจในการออกกฎหมายทั่วไป การรับรองคำสั่งฉุกเฉิน การตรวจสอบร่างรัฐบัญญัติงบประมาณและการตรวจสอบรายงานทางบัญชี การรับรองรัฐบัญญัติที่ออกโดยกฎอัยการศึก และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัจจุบันพรรคก๊กมินตั๋งยังคงครองเสียงข้างมากในสภานิติบัญญัติ

สภาตุลาการ (The Judicial Yuan) ระบบตุลาการของไต้หวัน นอกจากมีศาลชั้นต้น (The District Court) ศาลอุทธรณ์ (The High Court) และศาลฎีกา (The Supreme Court) แล้ว ยังมีสภาตุลาการเป็นสภาตุลาการที่สูงสุดของประเทศ โดยควบคุมกระทรวงยุติธรรม ศาลฎีกา ศาลฝ่ายบริหาร และคณะกรรมาธิการระเบียบวินัยข้าราชการ สภาตุลาการมี ประธาน รองประธาน และตุลาการผู้ทรงคุณวุฒิ 17 คน ทั้งหมดได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีโดยความเห็นชอบของสภาควบคุม

สภาตรวจสอบและคัดเลือก (The Examination Yuan) สภาตรวจสอบและคัดเลือกรับผิดชอบในการสอบสวน การแต่งตั้ง การคัดเลือกการบันทึกข้อมูล การใช้จ่ายเงินของข้าราชการในสังกัดของรัฐบาล การแบ่งหน้าที่ของสภาตรวจสอบและคัดเลือกออกจากฝ่ายบริหารเป็นสิ่งที่รับรองความเป็นอิสระจากอิทธิพลของพรรคพวกเดียวกัน อำนาจเช่นนี้ได้ถูกนำมาใช้โดยสภาตรวจสอบและคัดเลือกแต่เพียงลำพังในระดับการปกครองส่วนกลาง ระบบการตรวจสอบและคัดเลือกได้นำมาใช้ให้เป็นประโยชน์แก่ลูกจ้างของรัฐบาลทั้งหมด ไม่ว่าจะมีลำดับยศสูงหรือต่ำ

สภาควบคุม (The Control Yuan) สภาควบคุมเป็นฝ่ายควบคุมสูงสุดของชาติ มีสิทธิในการให้ความคิดเห็นการพิจารณาความผิดของข้าราชการ การว่ากล่าวตำหนิติเตียน การลงโทษ และการตรวจสอบบัญชี สภาควบคุมมีอำนาจเป็นลำดับที่สองของอำนาจการปกครองของไต้หวันที่สืบต่อกันมา 2 สภา (อีกสภาหนึ่งคือสภาตรวจสอบและคัดเลือก) ซึ่งถูกผสมผสานเข้ากับสภาบริหารสภานิติบัญญัติ สภาตุลาการของระบอบประชาธิปไตยทางตะวันตกในระบบการปกครองทั้ง 5 อำนาจแห่งสภา สภาควบคุมนี้จะประชุมกันเดือนละครั้ง และมีกระทรวงตรวจสอบ (Ministry of Audit) เป็นองค์กรย่อยของสภา

[แก้] นโยบายต่างประเทศ

ปัจจุบันไต้หวันได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับ 25 ประเทศ (เบลีซ คอสตาริกา สาธารณรัฐโดมินิกัน เอลซัลวาดอร์ กัวเตมาลา เฮติ ฮอนดูรัส นิการากัว ปานามา ปารากวัย เซนต์คิตส์และเนวิส เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ เซนต์ลูเซีย บูร์กินาฟาโซ แกมเบีย มาลาวี เซาตูเมและปรินซิปี สวาซิแลนด์ คิริบาส หมู่เกาะมาร์แชลล์ นาอูรู ปาเลา หมู่เกาะโซโลมอน ตูวาลู และนครรัฐวาติกัน) ไต้หวันมีข้อจำกัดในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ เนื่องจากกรอบนโยบายจีนเดียว ไต้หวันจึงให้ความสำคัญกับการกระชับความสัมพันธ์ในกรอบเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการให้ความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีกับประเทศต่างๆ ที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐประชาชนจีน (จีนแผ่นดินใหญ่)

สำหรับนโยบายต่างประเทศของไต้หวันต่อประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น ไต้หวันได้ดำเนิน “นโยบายมุ่งสู่ใต้” (Go South Policy) เป็นนโยบายส่งเสริมให้ชาวไต้หวันมีการลงทุนกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อลดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไต้หวันต้องพึ่งพาจีนและใช้เศรษฐกิจเป็นช่องทางกระชับความสัมพันธ์กับภูมิภาคนี้ กรอบเวทีระหว่างประเทศที่ไต้หวันเป็นสมาชิก ได้แก่ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (Asia Pacific Economic Cooperartion - APEC) ซึ่งเป็นสมาชิกในฐานะเขตเศรษฐกิจ (economy) และองค์การการค้าโลก (World Trade Organization - WTO) โดยเป็นการเข้าร่วมในฐานะที่เป็นเขตศุลกากรพิเศษ (custom territory) การเข้าร่วมในเวทีทั้งสองของไต้หวันจึงเป็นการเข้าร่วมในสถานะที่ไม่ใช่รัฐ

[แก้] การแบ่งเขตการปกครอง

การแบ่งเขตการปกครอง

รัฐบาลสาธารณรัฐจีนมีอำนาจปกครองใน 2 มณฑลของจีน แล้วมีอำนาจโดยตรงเหนือ 2 เทศบาล (*) :

เทศบาลนคร

มณฑลของไต้หวัน (ทั้งหมด)

มณฑลฝูเจี้ยน (บางส่วน)

[แก้] ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

บทความหลัก: ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของสาธารณรัฐจีน

[แก้] สาธารณรัฐจีน พ.ศ. 2454-2492 (ค.ศ. 1911-1949)

(รอการเพิ่มเติมเนื้อหา)

[แก้] สาธารณรัฐจีนบนเกาะไต้หวัน พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) - ปัจจุบัน

หลังจากพรรคก๊กมินตั๋งถอยหนีมาอยู่บนเกาะไต้หวัน ประเทศส่วนใหญ่ยังคงรักษาความสัมพันธ์กับรัฐบาลสาธารณรัฐจีนเอาไว้ แต่การรับรองสถานะก็ลดลงเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่องเมื่อในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1970 มีหลายประเทศได้เปลี่ยนไปรับรองสถานะของสาธารณรัฐประชาชนจีนแทน ในปัจจุบัน สาธารณรัฐจีนบนเกาะไต้หวันยังคงได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจาก 25 ประเทศซึ่งนอกจากทำเนียบสันตะปาปาแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศเล็ก ๆ ในแถบอเมริกากลางและแอฟริกา ทางสาธารณรัฐประชาชนจีนมีนโยบายที่จะไม่สานสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศที่รับรองสถานะของสาธารณรัฐจีน และทุกประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตด้วยจะต้องมีแถลงการณ์รับรองสถานะของสาธารณรัฐประชาชนจีนเหนือไต้หวัน

ในทางปฏิบัติแล้ว ถึงแม้ว่าประเทศส่วนใหญ่จะไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับไต้หวัน และแถลงการณ์ที่ทางสาธารณรัฐประชาชนจีนต้องการนั้นก็ได้เขียนขึ้นโดยใช้คำกำกวมอย่างยิ่ง ประเทศสำคัญ ๆ บางประเทศที่ไม่ได้รับรองสถานะของสาธารณรัฐจีนก็จะมี "สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป" หรือ "สำนักงานตัวแทนไทเป" ซึ่งปฏิบัติงานต่าง ๆ ในลักษณะเดียวกับสถานทูต เช่น การออกวีซ่า เป็นต้น และในทำนองเดียวกัน หลายประเทศก็ได้จัดตั้งสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจขึ้นในสาธารณรัฐจีนเช่น สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย และสถาบันอเมริกาในไต้หวัน ซึ่งโดยพฤตินัยแล้วก็คือสถานทูตของประเทศต่าง ๆ นั่นเอง

สาธารณรัฐจีนเคยเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติในฐานะสมาชิกก่อตั้ง โดยได้อยู่ในตำแหน่งของประเทศจีนในคณะมนตรีความมั่นคงจนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) ที่ถูกขับออกโดย "มติสมัชชาสหประชาชาติที่ 2758 (General Assembly Resolution 2758)" และตำแหน่งทั้งหมดในองค์การสหประชาชาติก็ถูกแทนที่ด้วยรัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีน ทางสาธารณรัฐจีนได้แสดงความพยายามหลายครั้งเพื่อกลับเข้าเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ แต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ (ดูที่ จีนและองค์การสหประชาชาติ)

นอกจากความขัดแย้งกับสาธารณรัฐประชาชนจีนเหนือดินแดนบนแผ่นดินใหญ่แล้ว สาธารณรัฐจีนยังมีความขัดแย้งกับมองโกเลียอีกด้วย จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) ที่สาธารณรัฐจีนได้อ้างสิทธิเหนือพื้นที่มองโกเลีย แต่ก็ถูกกดดันจากสหภาพโซเวียตจนกระทั่งยอมรับรองอิสรภาพของมองโกเลียในที่สุด หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้กลับคำรับรองนั้น และกล่าวอ้างสิทธิเหนือมองโกเลียอีกครั้งจนกระทั่งถึงเมื่อไม่นานนี้ นับจากช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา ความสัมพันธ์กับมองโกเลียได้กลายมาเป็นหัวข้อที่สร้างความขัดแย้ง ความเคลื่อนไหวใด ๆ ในการยกเลิกอำนาจอธิปไตยเหนือมองโกเลียจะเกิดการโต้แย้งทันที เนื่องจากทางสาธารณรัฐประชาชนจีนได้อ้างว่า นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการประกาศอิสรภาพไต้หวัน

[แก้] เมืองสำคัญ

เกาซุง (Kaohsiung) เป็นเมืองท่าและศูนย์กลางธุรกิจทางภาคใต้และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของไต้หวัน มีท่าเรือขนาดใหญ่ (ติด 10 อันดับแรกของโลก) จีหลง (Keelung) เป็นเมืองท่าที่สำคัญที่สุดทางภาคเหนือ

[แก้] ผู้นำ

นายหม่า อิงจิ่ว (Ma Ing-Jiu) ประธานาธิบดีจากพรรคก๊กมินตั๋งนายเซียว ว่านฉาง (Shiao Wan-Chang) รองประธานาธิบดีจากพรรคก๊กมินตั๋ง ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรไต้หวันนายหลิว เจ้า-เสวียน (Liu zao-xuen) นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 10 กันยายน 2009 นาย อู๋ ตุน อี้ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทน คณะรัฐมนตรีเก่าที่ลาออกเพื่อรับผิดชอบกรณีไต้ฝุ่นมรกต

[แก้] ภูมิศาสตร์

ประเทศสาธารณรัฐจีน มีลักษณะเป็นกลุ่มเกาะ ทำให้ภูมิประเทศติดกับทะเล ไม่ติดกับประเทศใดเลย ห่างจากเกาะไปทางทิศเหนือและทิศตะวันตกเป็นสาธารณรัฐประชาชนจีน ทิศใต้เป็นประเทศฟิลิปปินส์และทะเลจีนใต้ ส่วนทิศตะวันออกเป็นมหาสมุทรแปซิฟิก

[แก้] เศรษฐกิจ

สาธารณรัฐจีนเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่14ของโลก หน่วยเงินตราที่ใช้ คือ ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ ทรัพยากรธรรมชาติส่วนใหญ่มีจำนวนน้อย แต่เป็นประเทศอุตสาหกรรมชั้นสูงอุตสาหกรรมนั้นเป็นเน้นไปที่การผลิต มีการนำเข้าน้ำมันดิบและแร่เหล็ก เพื่อนำไปผลิตรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ ส่งออกไปจำหน่าย ถือเป็นการค้าโดยการผลิต ในปัจจุบันมีการนำเข้าชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์

[แก้] ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับไต้หวัน

ตามแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2518 ไทยยอมรับว่า สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องเพียงรัฐบาลเดียวของจีน และไต้หวันเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ของจีน หรือสิ่งที่เรียกว่า "นโยบายจีนเดียว" ประเทศไทยจึงยุติการติดต่อที่เป็นทางการกับไต้หวัน แต่ยังคงมีการติดต่อเป็นปกติในด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การศึกษาวิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม และแรงงาน โดยมีช่องทางการติดต่ออย่างไม่เป็นทางการผ่านสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป (Taipei Economic and Cultural Office) ซึ่งเป็นตัวแทนของไต้หวัน ตั้งอยู่ที่ชั้น 20 เอ็มไพร์ทาวเวอร์ 195 ถนนสาธรใต้ และสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย (Thailand Trade and Economic Office) ไทเป เลขที่ 168, 12th Floor, Sung Chiang Road, Chungshan District, Taipei 104

[แก้] ประชากร

รายชื่อเมืองในสาธารณรัฐจีนเรียงตามประชากร

Ministry of the Interior.

อันดับที่ ชื่อมณฑล ชื่อภาษาจีน จำนวนตามประชากร
1 มณฑลไทเป 台北縣 3,779,219
2 เมืองไทเป 台北市 2,627,990
3 Taoyuan County 桃園縣 1,921,526
4 Taichung County 台中縣 1,546,114
5 Kaohsiung City 高雄市 1,516,115
6 Changhua County 彰化縣 1,313,986
7 Kaohsiung County 高雄縣 1,244,282
8 Tainan County 台南縣 1,105,515
9 Taichung City 台中市 1,050,160
10 Pingtung County 屏東縣 890,753
11 Tainan City 台南市 762,486
12 Yunlin County 雲林縣 726,868
13 Miaoli County 苗栗縣 559,776
14 Chiayi County 嘉義縣 551,993
15 Nantou County 南投縣 533,903
16 Hsinchu County 新竹縣 491,405
17 Yilan County 宜蘭縣 460,133
18 Hsinchu City 新竹市 396,983
19 Keelung City 基隆市 390,299
20 Hualien County 花蓮縣 344,087
21 Chiayi City 嘉義市 272,718
22 Taitung County 台東縣 234,672
23 Penghu County 澎湖縣 92,077
24 Kinmen County 金門縣 79,023²
25 Lienchiang County 連江縣 9,814²

[แก้] วัฒนธรรม

[แก้] อ้างอิง


Taipei City seal.png ไต้หวัน หรือ จีนไทเป แก้
สถานที่: ไต้หวัน (เกาะ) · ไทเป (เมืองหลวง) · ไทเป 101 (ตึกที่สูงที่2ของโลก)
การเมืองการปกครอง: สาธารณรัฐจีน (ชื่อประเทศ-กลุ่มการปกครองเกาะไต้หวัน) · ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ . สาธารณรัฐไต้หวัน
วัฒนธรรม: ภาษาไต้หวัน · ภาษาจีนกลาง