ประเทศสวีเดน
ราชอาณาจักรสวีเดน
Konungariket Sverige (สวีเดน)
|
||||||
---|---|---|---|---|---|---|
|
||||||
คำขวัญ: เกิดสวีเดน โตที่สวีเดน ตายสวีเดน | ||||||
เพลงชาติ: ดูกามลา ดูเฟรีย " โบราณ อิสระ " เพลงสรรเสริญพระบารมี: คองซานเก็น (Kungssången) |
||||||
ที่ตั้งของ สวีเดน (สีเขียวเข้ม)
– ในทวีปยุโรป (สีเขียว & สีเทาเข้ม) |
||||||
เมืองหลวง (และเมืองใหญ่สุด) |
สตอกโฮล์ม 59°21′N 18°4′E / 59.350°N 18.067°E |
|||||
ภาษาราชการ | ไม่ได้กำหนด ภาษาสวีเดน (โดยพฤตินัย) |
|||||
การปกครอง | ประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ, แบบรัฐสภา | |||||
- | พระมหากษัตริย์ | สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟ | ||||
- | นายกรัฐมนตรี | เฟรดริค ไรน์เฟลท์ | ||||
การรวมชาติ | ||||||
พื้นที่ | ||||||
- | รวม | 449,964 ตร.กม. (54) 173,73 ตร.ไมล์ |
||||
- | แหล่งน้ำ (%) | 8.67% | ||||
ประชากร | ||||||
- | 2549 (ประเมิน) | 9,113,257[1] (84) | ||||
- | 2533 (สำมะโน) | 8,587,353 | ||||
- | ความหนาแน่น | 20 คน/ตร.กม. (155) 51.8 คน/ตร.ไมล์ |
||||
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | 2549 (ประมาณ) | |||||
- | รวม | 285.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[2] (35) | ||||
- | ต่อหัว | 31,600 ดอลลาร์สหรัฐ (19) | ||||
HDI (2556) | 0.898 (สูงมาก) (12) | |||||
สกุลเงิน | โครนาสวีเดน (Swedish krona, SEK ) |
|||||
เขตเวลา | CET (UTC+1) | |||||
- | (DST) | CEST (UTC+2) | ||||
โดเมนบนสุด | .se | |||||
รหัสโทรศัพท์ | 46 | |||||
1 För Sverige i tiden (ภาษาสวีเดน: เพื่อสวีเดน ตามกาลเวลา) เป็นคำขวัญประจำพระองค์ของคาร์ลที่ 16 กุสตาฟ 2 ไม่ปรากฏกฎหมายประกาศอย่างเป็นทางการ |
สวีเดน (อังกฤษ: Sweden; สวีเดน: Sverige) หรือชื่อทางการคือ ราชอาณาจักรสวีเดน (อังกฤษ: Kingdom of Sweden; สวีเดน: Konungariket Sverige) เป็นประเทศกลุ่มนอร์ดิกตั้งอยู่บนคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ในยุโรปเหนือ เขตแดนทางตะวันตกจรดประเทศนอร์เวย์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือจรดประเทศฟินแลนด์ และช่องแคบ สแกเกอร์แรก (Skagerrak) ทางตะวันตกเฉียงใต้จรดช่องแคบแคทีแกต (Kattegat) และทางตะวันออกจรดทะเลบอลติก และอ่าวบอทเนีย มีกรุงสตอกโฮล์มเป็นเมืองหลวง ประเทศสวีเดนมีประชากรที่เบาบาง เว้นแต่ในเขตเมืองใหญ่ พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศประกอบด้วยป่าไม้ และภูเขาสูง
หลังจากสิ้นสุดยุคไวกิง สวีเดนกลายเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพคาลมาร์ ร่วมกับเดนมาร์กและนอร์เวย์ (ในช่วงเวลานี้ ฟินแลนด์เป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรสวีเดน) สวีเดนได้ออกจากสหภาพในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 และได้รบสู้กับประเทศเพื่อนบ้านเป็นเวลาหลายปี โดยเฉพาะรัสเซีย และเดนมาร์กกับนอร์เวย์ที่ยังเป็นสหภาพอยู่ ซึ่งไม่ยอมรับการที่สวีเดนออกจากสหภาพ ในคริสศตวรรษที่ 17 สวีเดนได้ขยายเขตด้วยสงครามและกลายเป็นมหาอำนาจด้วยขนาด 2 เท่าของปัจจุบัน ถึงพ.ศ. 2457 สวีเดนได้สูญเสียพื้นที่ราชอาณาจักรรวมถึงฟินแลนด์ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรสวีเดน ตั้งแต่พ.ศ. 2457 นั้น สวีเดนอยู่ในภาวะสันติ โดยที่มีนโยบายต่างประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดในช่วงสันติและเป็นกลางระหว่างสงคราม
สวีเดนเป็นผู้ส่งออกเหล็ก ทองแดง และไม้ชั้นนำของยุโรปตั้งแต่สมัยยุคกลาง อย่างไรก็ดี การขนส่งและการคมนาคมที่ดีขึ้น ทำให้สามารถใช้ทรัพยากรธรรมชาติจากส่วนต่าง ๆ ของประเทศได้มากขึ้น โดยเฉพาะไม้ และแร่เหล็ก การเปิดเสรีทางเศรษฐกิจและการจัดการศึกษาทั่วไป ช่วยให้เกิดอุตสาหกรรมขึ้นอย่างรวดเร็ว และในทศวรรษ 1890 ประเทศได้เริ่มพัฒนาอุตสาหกรรมขั้นสูง ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ได้เกิดระบบสวัสดิการของรัฐบาลขึ้น ปัจจุบัน สวีเดนมีความโน้มเอียงในทางเสรีนิยม และความต้องการความเท่าเทียมกันในสังคม และมักจะเป็นชาติที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ของ ดัชนีการพัฒนามนุษย์ของสหประชาชาติ
เนื้อหา
ภูมิศาสตร์[แก้]
สวีเดนเป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่เหนือสุดของโลก มีขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย สวีเดนมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ในทวีปยุโรป มีพื้นที่ 450,000 ตารางกิโลเมตร (ความกว้าง 500 กิโลเมตร และความยาว 1,600 กิโลเมตร) สวีเดนมีชายฝั่งที่ค่อนข้างยาว จรดทะเลบอลติกและอ่าวบอทเนีย ทางตะวันตกมีเทือกเขาสแกนดิเนเวีย ทอดตามแนวพรมแดนกับประเทศนอร์เวย์
สวีเดนแบ่งออกเป็นสามภาคหลักๆ ได้แก่ โยตตาลันด์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ เป็นที่ราบและมีป่าไม้ สเวียลันด์ เป็นที่ราบอุดมสมบูรณ์ และมีทะเลสาบจำนวนมาก และ นอร์ลันด์ เป็นภูมิภาคตอนเหนือของสวีเดน มีภูเขา ป่าไม้ และแร่ธาตุมาก ประมาณร้อยละสิบห้าของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศตั้งอยู่เหนือขึ้นไปจากอาร์กติกเซอร์เคิล
ถึงแม้ว่าสวีเดนจะตั้งอยู่ทางตอนเหนือมาก แต่กลับมีภูมิอากาศแบบอบอุ่น เนื่องจากอิทธิพลของกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม ทางตอนเหนือของอาร์กติกเซอร์เคิล พระอาทิตย์ไม่ตกดินเลยในบางช่วงของฤดูร้อน และแทบไม่สามารถเห็นได้ในฤดูหนาว สวีเดนจึงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืน
ประวัติศาสตร์[แก้]
สวีเดน (อังกฤษ: Sweden; สวีเดน: Sverige) หรือชื่อทางการคือ ราชอาณาจักรสวีเดน (อังกฤษ: Kingdom of Sweden; สวีเดน: Konungariket Sverige) เป็นประเทศกลุ่มนอร์ดิกตั้งอยู่บนคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ในยุโรปเหนือ เขตแดนทางตะวันตกจรดประเทศนอร์เวย์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือจรดประเทศฟินแลนด์ และช่องแคบ สแกเกอร์แรก (Skagerrak) ทางตะวันตกเฉียงใต้จรดช่องแคบแคทีแกต (Kattegat) และทางตะวันออกจรดทะเลบอลติก และอ่าวบอทเนีย มีกรุงสตอกโฮล์มเป็นเมืองหลวง ประเทศสวีเดนมีประชากรที่เบาบาง เว้นแต่ในเขตเมืองใหญ่ พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศประกอบด้วยป่าไม้ และภูเขาสูง
หลังจากสิ้นสุดยุคไวกิง สวีเดนกลายเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพคาลมาร์ ร่วมกับเดนมาร์กและนอร์เวย์ (ในช่วงเวลานี้ ฟินแลนด์เป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรสวีเดน) สวีเดนได้ออกจากสหภาพในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 และได้รบสู้กับประเทศเพื่อนบ้านเป็นเวลาหลายปี โดยเฉพาะรัสเซีย และเดนมาร์กกับนอร์เวย์ที่ยังเป็นสหภาพอยู่ ซึ่งไม่ยอมรับการที่สวีเดนออกจากสหภาพ ในคริสศตวรรษที่ 17 สวีเดนได้ขยายเขตด้วยสงครามและกลายเป็นมหาอำนาจด้วยขนาด 2 เท่าของปัจจุบัน ถึงพ.ศ. 2457 สวีเดนได้สูญเสียพื้นที่ราชอาณาจักรรวมถึงฟินแลนด์ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรสวีเดน ตั้งแต่พ.ศ. 2457 นั้น สวีเดนอยู่ในภาวะสันติ โดยที่มีนโยบายต่างประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดในช่วงสันติและเป็นกลางระหว่างสงคราม
สวีเดนเป็นผู้ส่งออกเหล็ก ทองแดง และไม้ชั้นนำของยุโรปตั้งแต่สมัยยุคกลาง อย่างไรก็ดี การขนส่งและการคมนาคมที่ดีขึ้น ทำให้สามารถใช้ทรัพยากรธรรมชาติจากส่วนต่าง ๆ ของประเทศได้มากขึ้น โดยเฉพาะไม้ และแร่เหล็ก การเปิดเสรีทางเศรษฐกิจและการจัดการศึกษาทั่วไป ช่วยให้เกิดอุตสาหกรรมขึ้นอย่างรวดเร็ว และในทศวรรษ 1890 ประเทศได้เริ่มพัฒนาอุตสาหกรรมขั้นสูง ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ได้เกิดระบบสวัสดิการของรัฐบาลขึ้น ปัจจุบัน สวีเดนมีความโน้มเอียงในทางเสรีนิยม และความต้องการความเท่าเทียมกันในสังคม และมักจะเป็นชาติที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ของ ดัชนีการพัฒนามนุษย์ของสหประชาชาติ
การเมืองการปกครอง[แก้]
สวีเดนมีการปกครองระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยใช้ระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทน มีรัฐสภา
ประมุขแห่งรัฐ[แก้]
พระมหากษัตริย์สวีเดนเป็นประมุขแห่งรัฐ ซึ่งองค์ปัจจุบันคือสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นตัวแทนสูงสุดของประเทศ แต่ไม่มีอำนาจทางการเมืองใด ๆ รวมถึงไม่จำเป็นต้องลงพระปรมาภิไธยในการตัดสินใจของรัฐสภาด้วย[3]
จากการแก้ไขกฎการสืบราชสมบัติในปี พ.ศ. 2522 ให้สิทธิเท่าเทียมกันกับรัชทายาททั้งชายและหญิง ทำให้ตำแหน่งรัชทายาทสูงสุดในปัจจุบันเป็นของเจ้าฟ้าหญิงวิกตอเรีย ซึ่งเสด็จพระราชสมภพในปี พ.ศ. 2520
รัฐธรรมนูญ[แก้]
รัฐธรรมนูญของสวีเดนประกอบด้วยกฎหมายมูลฐานสี่ฉบับ ได้แก่
- Regeringsformen (เครื่องมือของรัฐบาล พ.ศ. 2517)
- Successionsordningen (กฎการสืบราชสมบัติ พ.ศ. 2353)
- Tryckfrihetsförordningen (พระราชบัญญัติเสรีภาพสื่อ พ.ศ. 2309)
- Yttrandefrihetsgrundlagen (กฎหมายมูลฐานว่าด้วยเสรีภาพในการแสดงออก พ.ศ. 2534)
การแก้ไขหรือยกเลิกรัฐธรรมนูญ จะต้องได้รับความเห็นชอบตรงกันจากรัฐสภาสองครั้ง โดยมีการเลือกตั้งทั่วไปคั่นกลาง นอกจากนี้ยังมีพระราชบัญญัติรัฐสภา พ.ศ. 2517 (Riksdagsordningen) ซึ่งมีสถานะพิเศษ สูงกว่ากฎหมายทั่วไป แต่อยู่ต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ[4]
รัฐสภา[แก้]
รัฐสภาของสวีเดน เรียกในภาษาสวีเดนว่าริกซ์ดอก (Riksdag) มีอำนาจนิติบัญญัติ ใช้ระบบสภาเดี่ยวประกอบด้วยสมาชิก 349 คน มาจากการเลือกตั้งทุกๆ 4 ปี การเลือกตั้งนั้นใช้ระบบสัดส่วน โดยพรรคการเมืองจะต้องได้รับเสียงจากทั่วประเทศอย่างน้อยร้อยละ 4 หรืออย่างน้อยร้อยละ 12 ในเขตเลือกตั้ง จึงจะได้รับที่นั่งในรัฐสภา การเลือกตั้งจัดขึ้นทุกๆ 4 ปี โดยครั้งต่อไปในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553 ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะต้องมีอายุอย่างน้อย 18 ปีในวันเลือกตั้ง[5]
ก่อนหน้านี้ สวีเดนเคยใช้ระบบสองสภามาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2403 และได้ยกเลิกไปในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อปีพ.ศ. 2511-2512[6]
รัฐบาล[แก้]
หลังจากการเลือกตั้ง พรรคหรือกลุ่มที่ได้มีจำนวนเสียงสูงสุดจะจัดตั้งรัฐบาล โดยรัฐสภาจะเลือกนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล และนายกรัฐมนตรีเลือกรัฐมนตรีเข้าร่วมรัฐบาล นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันได้แก่ เฟดริก รายน์เฟลท์ (Fredrik Reinfeldt) หัวหน้าพรรคโมเดอเรต ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2549[2]
พรรคการเมือง[แก้]
ปัจจุบัน สวีเดนมีพรรคการเมืองที่มีที่นั่งในสภาอยู่ 7 พรรค[6] ได้แก่
ชื่อ | ชื่อภาษาสวีเดน | ปีที่ก่อตั้ง | จำนวนสมาชิกในรัฐสภา |
---|---|---|---|
พรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย | Arbetarepartiet Socialdemokraterna | พ.ศ. 2432 |
|
พรรคโมเดอเรต | Moderata samlingspartiet | พ.ศ. 2447 |
|
พรรคกลาง | Centerpartiet | พ.ศ. 2456 |
|
พรรคเสรีนิยม | Folkpartiet liberalerna | พ.ศ. 2445 |
|
พรรคคริสเตียนเดโมแครต | Kristdemokraterna | พ.ศ. 2507 |
|
พรรคซ้าย | Vänsterpartiet | พ.ศ. 2460 |
|
พรรคกรีน | Miljöpartiet de Gröna | พ.ศ. 2524 |
|
การแบ่งเขตการปกครอง[แก้]
สวีเดนแบ่งการปกครองออกเป็น 21 มณฑล (län) ได้แก่
- มณฑลเบลคิงเง (Blekinge)
- มณฑลดอลาร์นา (Dalarna)
- มณฑลก๊ทลาน (Gotland)
- มณฑลแยฟเลบอร์ย (Gävleborg)
- มณฑลฮาลลันด์ (Halland)
- มณฑลแยมต์ลันด์ (Jamtland)
- มณฑลเยินเชอปิง (Jönköping)
- มณฑลครอนอแบร์ย (Kronoberg)
- มณฑลคาลมาร์ (Kalmar)
- มณฑลนอร์บอตเตน (Norrbotten)
- มณฑลเออเรบรู (Örebro)
- มณฑลเอิสเตร์เยิตลันด์ (Östergötland)
- มณฑลสโกเนอ (Skåne)
- มณฑลสตอกโฮล์ม (Stockholm)
- มณฑลเซอเดอร์มานลันด์ (Södermanland)
- มณฑลอุปซอลา (Uppsala)
- มณฑลแวร์มลันด์ (Värmland)
- มณฑลเวสมานลันด์ (Västmanland)
- มณฑลเวสเตอร์บอตเตน (Västerbotten)
- มณฑลเวสเตอร์นอร์ลันด์ (Västernorrland)
- มณฑลเวสตรา เยอตาลันด์ (Västra Götaland)
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ[แก้]
- ด้านการทูต
ปัจจุบัน เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศสวีเดน คือ นายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ (ปี 2558 - ปัจจุบัน)
- ด้านเศรษฐกิจ
กองทัพ[แก้]
กองกำลังกึ่งทหาร[แก้]
เศรษฐกิจ[แก้]
สวีเดนเป็นประเทศที่มีการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมสูงมาก เกษตรกรรมที่ในเคยเป็นเศรษฐกิจหลักของประเทศมีการจ้างงานน้อยกว่าร้อยละสองของแรงงานทั้งหมดในปัจจุบัน[7] อุตสาหกรรมดั้งเดิมที่สำคัญของสวีเดนได้แก่ การป่าไม้ เหล็ก และไฟฟ้าพลังน้ำ แต่ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมขั้นสูงเช่นรถยนต์ อากาศยาน อาวุธ และเวชภัณฑ์ เข้ามามีความสำคัญต่อเศรษฐกิจอย่างมาก การที่สวีเดนมีประชากรไม่สูงนัก ทำให้ตลาดภายในประเทศจำกัดและต้องพึ่งพาการส่งออก สวีเดนจึงเป็นแหล่งกำเนิดของบริษัทที่ประสบความสำเร็จในตลาดโลกจำนวนมาก เช่น วอลโว่ ซาบ อีริกส์สัน อีเล็กโทรลักซ์ เอชแอนด์เอ็ม เป็นต้น
สวีเดนได้รับอันดับสามจากการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของเวิลด์อิโคโนมิกฟอรัมประจำปี 2006/07[8] สวีเดนมีการเก็บภาษีในอัตราที่สูง เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆในภูมิภาค และมีสหภาพแรงงานที่แข็งแกร่ง ธนาคารแห่งชาติสวีเดน Sveriges Riksbank เป็นธนาคารกลางที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ก่อตั้งในปีพ.ศ. 2211[9] โดยปัจจุบัน ธนาคารให้ความสำคัญกับเสถียรภาพของราคา มีเป้าหมายเงินเฟ้อไม่เกินร้อยละ 2[2] ปัจจุบันสวีเดนยังคงใช้สกุลเงินโครนาสวีเดน โดยในปีพ.ศ. 2546 ได้มีการลงประชามติเกี่ยวกับการใช้ค่าเงินยูโร ซึ่งร้อยละ 56 ลงคะแนนเสียงไม่เห็นด้วย[6][10]
การท่องเที่ยว[แก้]
ปราสาทคาลมาร์ เมืองวิสบีย์ วิหารลูเธอแรน
โครงสร้างพื้นฐาน[แก้]
คมนาคม และ โทรคมนาคม[แก้]
วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี[แก้]
สาธารณสุข[แก้]
การศึกษา[แก้]
สาธารณสุข[แก้]
ประชากร[แก้]
ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2012 สวีเดนมีประชากร 9,454,000 คน[1] โดยประชากรได้เพิ่มเกินเก้าล้านคนครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2547 จำนวนประชากรที่เกิดในต่างประเทศนั้นสูงขึ้นอย่างมากในคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยในช่วงเริ่มศตวรรษ มีประชากรที่เกิดต่างประเทศราว 36,000 คนจากประชากรทั้งหมด 5 ล้านคน ในปี 2547 ประชากรที่เกิดในต่างประเทศมีสูงกว่าหนี่งล้านคน[11] โดยเป็นผลมาจากการย้ายถิ่นฐานภายในกลุ่มนอร์ดิก การอพยพของแรงงานในช่วงต้น และผู้ลี้ภัยในช่วงต่อมา โดยสวีเดนเป็นประเทศที่มีผู้ย้ายเข้าสูงหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้อพยพจากนอกกลุ่มนอร์ดิกลดลงหลังจากนโยบายการย้ายเข้าประเทศใหม่ออกมาในปีพ.ศ. 2510
จากประชากรในปี 2548 กลุ่มที่ย้ายถิ่นฐานมาจากต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดมาจากประเทศฟินแลนด์ รองลงมาคือตุรกี เยอรมนี เดนมาร์ก นอร์เวย์ โปแลนด์ อิรัก อิหร่าน และอดีตยูโกสลาเวีย[11] ข้อมูลของผู้ที่ย้ายเข้าในปี 2548 แสดงให้เห็นว่าผู้ที่เกิดในกลุ่มนอร์ดิกยังคงเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด มากถึงสองหมื่นคน โดยมากกว่าครึ่งเป็นผู้ที่เกิดในสวีเดนย้ายกลับเข้ามา นอกจากนี้ มากกว่า 16,000 คนมีต้นกำเนิดจากทวีปเอเชีย ราวครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้มาจากอิรัก อิหร่าน จีน และไทย[11]
ศาสนา[แก้]
ในปีพ.ศ. 2549 ชาวสวีเดนประมาณ 6.9 ล้านคนเป็นสมาชิกของคริสตจักรแห่งสวีเดน คิดเป็นร้อยละ 75 ของประชากรทั้งประเทศ โดยจำนวนสมาชิกลดลงเรื่อยๆทุกปี[12] คริสตจักรแห่งสวีเดนเป็นโบสถ์นิกายลูเธอรัน นิกายโรมันคาทอลิกในสวีเดนมีสมาชิกราว 80,500 คน นอกจากคริสต์ศาสนา ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ จากการอพยพเข้า[13] จากการสำรวจ "ยูโรบารอมิเตอร์" ในปีพ.ศ. 2548 ร้อยละ 23 ตอบแบบสอบถามว่าเชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริง[14]
ภาษา[แก้]
ประเทศสวีเดนมีภาษาทางการ โดยมีภาษาสวีเดนเป็นภาษาหลักของประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่พูด สวีเดนรับรองภาษาของชนกลุ่มน้อยห้าภาษา ได้แก่ ภาษาฟินแลนด์ เมแอนเกียลิ (Meänkieli) ภาษาซามิ ภาษาโรมานี และภาษายิดดิช ประเด็นเรื่องการให้ภาษาสวีเดนเป็นภาษาทางการถูกหยิบยกขึ้นมาในปีพ.ศ. 2548 แต่การลงคะแนนเสียงในรัฐสภาแพ้ไป 145-147[15]
กีฬา[แก้]
วัฒนธรรม[แก้]
แหล่งมรดกโลก[แก้]
สถาปัตยกรรม[แก้]
ดนตรี และ นาฎศิลป์[แก้]
อาหาร[แก้]
สื่อมวลชน[แก้]
วันหยุด[แก้]
การจัดอันดับนานาชาติ[แก้]
- อันดับ 5 จาก 177 ประเทศในดัชนีการพัฒนามนุษย์ พ.ศ. 2549 โดยสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ[16]
- อันดับ 5 จาก 169 ประเทศในดัชนีเสรีภาพสื่อ พ.ศ. 2550 โดยองค์กรนักข่าวไร้พรมแดน[17]
- อันดับ 4 จาก 179 ประเทศในดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชัน พ.ศ. 2550 โดยแทรนส์แพเรนซีอินเตอร์เนชันแนล[18]
- อันดับ 3 จาก 125 ประเทศในรายงานขีดความสามารถในการแข่งขันสากลของเวิลด์อิโคโนมิกฟอรัม 2006/2007[19][20]
- อันดับ 1 ในอันดับดัชนีมารดาและอันดับดัชนีสตรี และอันดับ 4 ในอันดับดัชนีเด็ก จากทั้งหมด 41 ประเทศในกลุ่มพัฒนาสูง โดยเซฟเดอะชิลเดรน พ.ศ. 2550[21]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ 1.0 1.1 สำนักงานสถิติสวีเดน (อังกฤษ)
- ↑ 2.0 2.1 2.2 ซีไอเอ เวิลด์แฟกต์บุก (อังกฤษ)
- ↑ The Head of State เว็บไซต์รัฐบาลสวีเดน (อังกฤษ)
- ↑ The Constitution เว็บไซต์รัฐสภาสวีเดน (อังกฤษ)
- ↑ Elections เว็บไซต์รัฐสภาสวีเดน (อังกฤษ)
- ↑ 6.0 6.1 6.2 ข้อมูลประเทศสวีเดน กระทรวงการต่างประเทศ ประเทศไทย
- ↑ Sweden กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ (อังกฤษ)
- ↑ http://www.weforum.org/pdf/Global_Competitiveness_Reports/Reports/gcr_2006/sweden.pdf (อังกฤษ)
- ↑ http://www.law.nyu.edu/centralbankscenter/texts/Swedish%20Central%20Bank-introduction.html (อังกฤษ)
- ↑ Sweden says No to euro บีบีซีนิวส์ 15 กันยายน 2546 (อังกฤษ)
- ↑ 11.0 11.1 11.2 Pocket Facts: Statistics on Integration The Swedish Integration Board (อังกฤษ)
- ↑ สถิติสมาชิกคริสตจักรแห่งสวีเดน ปี 1972-2006 (สวีเดน)
- ↑ Charlotte Celsing. Are Swedes losing their religion? 1 ก.ย. 2549 เรียกข้อมูลวันที่ 31 ก.ค. 2550 (อังกฤษ)
- ↑ รายงานผลการสำรวจยูโรบารอมิเตอร์ (อังกฤษ)
- ↑ Svenskan blir inte officiellt språk, Sveriges Television, 2005-12-07. เรียกข้อมูลวันที่ 25 ก.พ. 2551 (สวีเดน)
- ↑ "Human Development Report 2006". สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31. (อังกฤษ)
- ↑ "Worldwide Press Freedom Index 2007". องค์กรนักข่าวไร้พรมแดน. สืบค้นเมื่อ 2007-10-19. (อังกฤษ)
- ↑ "Corruption Perceptions Index 2007". Transparency International. สืบค้นเมื่อ 2007-10-19. (อังกฤษ)
- ↑ "สวิตเซอร์แลนด์ ฟินแลนด์ และ สวีเดน ติด 3 อันดับแรกประเทศที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงที่สุดในโลก". ThaiEurope.net. 2006-09-27. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ "US loses top competitiveness spot". BBC News. 2006-09-26. สืบค้นเมื่อ 2007-05-28. (อังกฤษ)
- ↑ Save the Children. State of the World's Mothers (อังกฤษ)
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: Sweden |
- ข้อมูลประเทศสวีเดน จากเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ ประเทศไทย
- ข้อมูลประเทศสวีเดน จากสารานุกรมบริทานิกา (อังกฤษ)
- ข้อมูลประเทศสวีเดน จากเวิลด์แฟกต์บุก ซีไอเอ สหรัฐอเมริกา (อังกฤษ)
- Official gateway to Sweden (อังกฤษ)
- เว็บไซต์ราชวงศ์สวีเดน (อังกฤษ)
- เว็บไซต์รัฐบาลสวีเดน (อังกฤษ)