กรมทางหลวงรับข้อเสนอหลายหน่วยงานภาครัฐ ศึกษาปรับราคาใช้บริการมอเตอร์เวย์ ทั้งเส้นกรุงเทพฯ-ชลบุรี และวงแหวนกาญจนาภิเษก จาก ก.ม.ละ 1 บาท เป็น ก.ม.ละ 1.50 บาท ชี้ไม่ได้ขึ้นมานาน 15 ปี และต้องการลดภาระงบประมาณ
\r\n\r\nนายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า หน่วยงานที่ดูแลด้านงบประมาณแผ่นดิน เช่น กรมบัญชีกลาง และสำนักงบประมาณ ภายใต้สังกัดกระทรวงการคลัง รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่เสนอความเห็นทางด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ ให้กับรัฐบาลเห็นพ้องโดยเสนอให้ ทล.พิจารณาปรับขึ้นค่าผ่านทางทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) จากปัจจุบัน จัดเก็บในอัตรา ก.ม.ละ 1 บาท ทั้ง 2 สายทางที่เปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบันคือสาย 7 กรุงเทพฯ-ชลบุรี และสาย 9 วงแหวน กาญจนาภิเษก
\r\n\r\nเนื่องจากต้องการให้เงินรายได้จากการเก็บค่าผ่านทางของ ทล.มีสัดส่วนที่สอดคล้องเหมาะสมกับรายจ่ายหรือวงเงินลงทุนที่ใช้ในโครงการก่อสร้าง นอกจากนี้ ยังเป็นแนวทางลดภาระงบประมาณการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานให้กับรัฐบาลได้อีกด้วย เพราะหาก ทล.มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ก็สามารถนำเงินมาใช้ลงทุนก่อสร้างโครงการต่าง ๆ ในอนาคตได้เอง โดยไม่ต้องขอเงินงบประมาณจากส่วนกลาง
\r\n\r\n"ทล.เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว จึงให้หน่วยที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อดีข้อเสียจากกรณีการปรับขึ้นค่าผ่านทาง เบื้องต้นจะต้องศึกษาถึงแนวโน้ม เช่น ปริมาณการใช้ทาง รายได้จากค่าผ่านทาง รายจ่ายในอนาคตที่เกี่ยวกับค่าซ่อมบำรุง รวมไปถึงการลงทุนในอนาคตว่าเป็นอย่างไร เพื่อ นำข้อมูลต่าง ๆ ไปวิเคราะห์ว่าควรจะปรับค่าผ่านทางในอัตราเท่าใดจึงจะเหมาะสม
\r\n\r\nนายอานนท์กล่าวอีกว่า หลาย ๆ หน่วยงานเสนอให้ปรับจาก ก.ม.ละ 1 บาท ขึ้นเป็น ก.ม.ละ 1.50 บาท ซึ่งเราก็เห็นด้วยว่าควรปรับขึ้น เพราะตั้งแต่สร้างมอเตอร์เวย์มา 15 ปีไม่เคยมีการปรับขึ้นค่าผ่านทางเลย แต่จะขึ้นเท่าไหร่ยังตอบไม่ได้ ขอไปศึกษาความเหมาะสมก่อน เพราะการขึ้นค่าผ่านทางเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก รวมทั้งในอนาคตจะต้องนำไปใช้กับมอเตอร์เวย์อีกหลาย ๆ เส้นทางที่กำลังจะเกิดขึ้น
\r\n\r\nนอกจากนี้การปรับขึ้นค่าผ่านทางยังเป็นการเพิ่มแรงจูงใจด้านผลตอบแทนให้แก่กลุ่มนักลงทุน ซึ่งในอนาคต ทล. จะระดมทุนผ่านกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ (กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน) ที่รัฐบาลเตรียมจัดตั้งขึ้นด้วย
\r\n\r\n\r\n\r\n
ขอบคุณที่มา : นสพ.ข่าวสด และประชาชาติธุรกิจ
หนังสือพิมพ์ทันหุ้น
\r\n\r\n'SC'การันตีงบQ4นิวไฮบุ๊กโอนคอนโด2.9พันล.
\r\n\r\nSC แย้มผลงานไตรมาส 4/2558 นิวไฮ จ่อบุ๊กคอนโดมูลค่า 2,900 ล้านบาท มาตรการรัฐหนุนยอดโอนทะลัก ฟุ้งมีสินค้าพร้อมขาย 8,000 ล้านบาท เตรียมส่ง 4 โครงการใหม่ มูลค่า 1.09 หมื่นล้านบาท ปั๊มยอดขายปลายปีตามนัด ฟุ้ง 10 เดือน โกยยอดขายแล้ว 9,400 ล้านบาท
\r\n\r\nNUSAรุกแนวราบจ่อผุดโครงการใหม่มูลค่ากว่า1.6พันล.
\r\n\r\nNUSA เดินหน้าเปิดโครงการส่ง "NARATHON-สุวินทวงศ์" เสิร์ฟลูกค้า มูลค่าโครงการรวม 1,600 ล้านบาท ด้าน ศิริญา เทพเจริญ บอสสาวชี้การขยายรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ของภาครัฐหนุนผู้บริโภค-กำลังซื้อ ประเมินรถไฟฟ้าสายสีส้มรอเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติโครงการตามแผนการพัฒนา
\r\n\r\n\r\n\r\n
หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น
\r\n\r\nหายช็อก!รถไฟไทย-จีน อาคมยันตั้งคอนซัลต์แล้ว
\r\n\r\n"อาคม" หายช็อก! รีบแจงยันร.ฟ.ท.ลงนามจ้างที่ปรึกษาโครงการรถไฟไทย-จีนเรียบร้อยแล้ว พร้อมเร่งสรุปรายละเอียดการลงทุนภายในก.พ. 59 หลังโดนบิ๊กตู่ บี้ผลงานการเจรจา
\r\n\r\n\r\n\r\n
หนังสือพิมพ์มติชน
\r\n\r\n'บ้านหรู'ยังโตต่อเนื่องไร้ผลกระทบศก.ทรุด
\r\n\r\nนางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2559 ยังเติบโตได้ โดยเฉพาะอสังหาฯระดับไฮเอนด์มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากที่ดินที่มีจำกัดและราคาเพิ่มสูงขึ้น "ตลาดบ้านหรูใจกลางเมืองเป็นตลาดน่าจับตามอง เพราะกลุ่มลูกค้าไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว รวมทั้งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียนหรือเออีซีมีผลให้ลูกค้าชาวต่างชาติสนใจเข้ามาซื้อพักอาศัยและลงทุนมากขึ้น เพราะราคายังถูกเมื่อเทียบกับประเทศในย่านเอเชีย อาทิ สิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น" นาง นลินรัตน์กล่าว
\r\n\r\n\r\n\r\n
หนังสือพิมพ์ข่าวสด
\r\n\r\nห้างฯสยามร่วมฉลองวันพ่อ-ปีใหม่
\r\n\r\nนายสมพล ตรีภพนารถ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายการตลาด บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยนายธนพัฒน์ ชยุติรัตน์ กรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจสยามสแควร์ และนายแดน ศรมณี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานนวัตกรรมธุรกิจ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด จับมือร่วมกันในนามพันธมิตรพลังสยาม จัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวและช็อปปิ้งในย่านสยาม
\r\n\r\n\r\n\r\n
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
\r\n\r\nไทย-ญี่ปุ่นร่วมมือพัฒนารถไฟ
\r\n\r\nนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น โดยได้มีการลงนามบันทึก MOC ระหว่างกระทรวงคมนาคมของไทย และกระทรวงที่ดินโครงการพื้นฐานการขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น ในเส้นทางแนวระเบียงเศรษฐกิจด้านใต้ (Southern Corridor) กาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-แหลมฉบัง-อรัญประเทศ ระยะทางรวม 574 กิโลเมตร (ขนาดราง 1 เมตร) โดยถือเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ของประเทศไทย และเป็นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านในส่วนของประเทศเมียนมา โดยเป็นการเชื่อมทั้งหมด 4 เขตเศรษฐกิจพิเศษ ประกอบด้วย เขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย, เขตเศรษฐกิจพิเศษกาญจนบุรี, เขตเศรษฐกิจพิเศษพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก (อีสต์เทิร์นซีบอร์ด) และเขตเศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว โดยเป็นการเชื่อม 2 ท่าเรือน้ำลึก คือ ท่าเรือแหลมฉบัง กับท่าเรือน้ำลึกทวาย อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาไทยได้มีการปรับปรุงเส้นทางเพื่อจะได้มีการเดินรถในการขนส่งสินค้าและขนส่งผู้โดยสารได้มากขึ้น โดยปัจจุบันกรุงเทพฯ-กาญจนบุรี เดินรถให้บริการ 2 เที่ยว ทั้งในส่วนของรถโดยสาร และรถขนส่งสินค้า ทั้งนี้ การปรับปรุงดังกล่าวจะเป็นการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวได้อีกเส้นทางด้วย นอกจากนี้ จะมีการร่วมมือจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อบริหารการเดินรถ และการลงทุนในระยะต่อไปด้วย
\r\n\r\n\r\n\r\n
หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการรายวัน
\r\n\r\nปั๊มโครงการอสังหาฯส่งท้ายปี 'ลลิลฯ' เพิ่มพอร์ตโซนบางใหญ่ NUSA งัด96ไร่ผุดแนวราบพันล.
\r\n\r\n"ลลิลฯ" ขยายอาณาจักรแนวราบครองพื้นที่ "ศูนย์กลางเศรษฐกิจของฝั่งตะวันตก" ทำเลบางใหญ่- ปิ่นเกล้า-ราชพฤกษ์ รวมกว่า 8 โครงการล่าสุดเปิดขายโครงการไฮไลท์ "แลนซีโอ คริป ปิ่นเกล้า-พระราม 5 (ซอยวัดพระเงิน)" รองรับด้วยโครงข่ายคมนาคมขนาดใหญ่ ใกล้ห้างดัง ในราคาเริ่มต้น 2.9-5 ล้านบาท "ณุศาศิริ"งัดที่ดินย่านสุวินทวงศ์เกือบ 100 ไร่ พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว- ทาวน์เฮาส์ ภายใต้โครงการ NARA THON-สุวินทวงศ์ มูลค่าโครงการกว่า 1,600 ล้านบาท รองรับการขยายตัวของเมืองในอนาคตโดยเฉพาะโครงการรถ ไฟฟ้าสายส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ที่จะเปิดประกวดราคาปีหน้า "ปริญสิริฯ" หนุนโปรโมชันพิเศษเพียบ! รับ Cash Back สูงสุดกว่า 2 ล้านบาท กับโครงการบ้านเดี่ยว 3 โครงการ ใกล้เมือง
บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) ผู้นำการสร้างแนวคิดโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ งัดที่ดินย่านสุวินทวงศ์กว่า 96 ไร่ พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮ้าส์ ภายใต้โครงการ NARATHON –สุวินทวงศ์ มูลค่าโครงการกว่า 1,600 ล้านบาท รองรับการขยายตัวของเมืองในอนาคตโดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ที่จะเปิดประกวดราคาปีหน้า เชื่อสร้างเสร็จเปิดให้บริการส่งผลให้ทำเลกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกมีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น มั่นใจ ทำเลดี มีศักยภาพ โดนใจ กลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย
\r\n\r\nนางศิริญา เทพเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือNUSA เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ “โครงการ NARATHON - สุวินทวงศ์” เป็นโครงการจัดสรรแนวราบประเภทบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 96 ไร่ โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 เฟส มี จำนวนรวมทั้งโครงการ 674 ยูนิต รวมมูลค่าโครงการ.1,600 ล้านบาท พัฒนาในรูปแบบที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย ครอบครัวสมัยใหม่ และ ครอบครัวใหญ่ โดยบ้านเดี่ยวนั้นตั้งอยู่บนพื้นที่ดิน 50-100.ตารางวา(ตร.ว.) มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 90-201 ตารางเมตร(ตร.ม)ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำราคาขายเริ่มต้นที่ 3.89 ล้านบาทต่อยูนิต ส่วนที่อยู่อาศัยประเภททาวน์เฮ้าส์นั้นตั้งอยู่บนพื้นที่ดินขนาดตั้งแต่ 17-61 ตร.ว.ขนาดพื้นที่ใช้สอย 113 ตร.ม.ขนาด 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำราคาขายเริ่มต้นที่ 1.69 ล้านบาท โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการทั้งสวนหย่อม, คลับเฮาส์ ระบบรักษาความปลอดภัย กล้องวงจรปิด CCTV ตลอด 24 ชม.เป็นต้น
\r\n\r\n“ปัจจุบันการขยายตัวของเมืองสู่พื้นที่รอบนอกมากขึ้น หลังจากที่ดินในใจกลางเมืองราคาปรับขึ้นสูงทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มไม่สามารถที่จะซื้อที่อยู่อาศัยได้เนื่องจากราคาแพงจนเกินไปประกอบกับพฤติกรรมหรือความต้องการส่วนใหญ่ของผู้บริโภคที่เป็นคนไทยยังนิยมที่จะซื้อบ้านพร้อมที่ดินที่มีบริเวณเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย และ หากในอนาคตโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มเปิดให้บริการจะช่วยสนับสนุนให้ตลาดที่อยู่อาศัยบริเวณรอบนอกหรือชานเมืองได้รับความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะโครงการจัดสรรแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์”
\r\n\r\nทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มนั้นแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่ 1.คือรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรมฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาออกแบบมีกำหนดจะแล้วเสร็จปลายปี 2558 คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างเดือนเมษายน 2560กำหนดเปิดให้บริการ เดือนธันวาคม 2565 และส่วนที่ 2 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ที่ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการปรับแบบและรอเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีหรือครม.อนุมัติโครงการ ตามแผนการพัฒนาจะเปิดประกวดราคาปี 2559 คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างเดือนมกราคม 2560 กำหนดเปิดให้บริการเดือน กันยายน 2565
\r\n\r\nนางศิริญา กล่าวเพิ่มเติมว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์ในย่านมีนบุรีในช่วงที่ผ่านมาแม้ราคาซื้อขายหรือราคาตลาดจะปรับเพิ่มขึ้นแต่หากเทียบทำเลอื่นๆยังถือว่าถูก จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ผู้บริโภคจะเลือกซื้ออสังหาฯหรือซื้อบ้านพร้อมที่ดินเพื่อรองรับอนาคตที่มีมูลค่าสูงขึ้นตามการพัฒนาเมือง ดังนั้น การซื้อบ้านถือเป็นการลงทุน อีกรูปแบบหนึ่งที่สามารถใช้อยู่อาศัยและยังเพิ่มมูลค่าในอนาคตอีกด้วย
\r\n\r\nโครงการ “NARATHON - สุวินทวงศ์ ตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางได้สะดวกมาก ทั้งถนนมอเตอร์เวย์, ถนนวงแหวนรอบนอก ที่เชื่อมต่อกับถนนบางนา-ตราด และทางขึ้น-ลงทางด่วน ทำให้เดินทางเข้าเมืองได้ง่าย หรือจะใช้บริการ Airport Rail Link ก็มีสถานี บ้านทับช้าง ที่อยู่ไม่ไกลนัก อีกทั้งอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ และมี สถานที่สำคัญใกล้เคียง อาทิ: บริษัท CP, Winsor Park & Golf club, สำนักงานเขตหนองจอก,เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี ,โรงเรียนเกษตรทฤษฎีใหม่, โรงเรียนวัดทรัพย์สโมสร, โรงเรียนสารสาสน์วิเทศมีนบุรี, โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สุวินทวงศ์, โรงเรียนบดิทรเดชา สิงห์ สิงหเสนี 4, โรงเรียนมัธยมวัดหนองจอก, โรงเรียนเซนต์เทเรซา, มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร และ โรงพยาบาลหนองจอก เป็นต้น
“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” ตอกย้ำโครงการบ้านคุณภาพ ขยายอาณาจักรแนวราบครองพื้นที่ “ศูนย์กลางเศรษฐกิจของฝั่งตะวันตก” ทำเลบางใหญ่ – ปิ่นเกล้า – ราชพฤกษ์ รวมกว่า 8 โครงการ เพื่อรองรับความต้องการที่อยู่อาศัยและกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เปิดขายโครงการไฮไลท์ของพื้นที่ “แลนซีโอ คริป ปิ่นเกล้า-พระราม 5 (ซอยวัดพระเงิน)” โครงการบ้านเดี่ยว บ้านแนวคิดใหม่ ขนาดใหญ่พิเศษแบบ King Size 135-182 ตร.ม. โดดเด่นด้วยทำเลที่เชื่อมต่อทุกการเดินทาง “รถไฟฟ้าสีม่วง-ทางด่วนใหม่ศรีรัช-จุดขึ้นลงทางยกระดับบรมราชชนนี” เพียง 5 นาทีถึงเซ็นทรัลเวสท์เกต และ พลัส มอลล์ บางใหญ่ ในราคาเริ่มต้น 2.9 – 5 ล้านบาท
\r\n\r\nนายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” เปิดเผยว่า ในปัจจุบันทำเลกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก ย่านถนนราชพฤกษ์ ต่อเนื่องถึงอำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี มีอัตราการเจริญเติบโตและการขยายตัวทางเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าในระยะเวลาอันใกล้ทำเลนี้จะกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของฝั่งตะวันตกได้ เพราะมีปัจจัยสนับสนุนจากระบบขนส่งมวลชนที่เข้าถึง ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่เตรียมจะเปิดให้บริการเป็นทางการในช่วงต้นปี 2559 มีระบบคมมนาคมทางด่วนพิเศษ 2 เส้นทาง ซึ่งเชื่อมต่อกรุงเทพฯ ส่วนใน และต่างจังหวัด ต่อเนื่องไปจังหวัดกาญจนบุรี – เมืองทวาย ประเทศพม่า รวมทั้งการเปิดตัวศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสต์เกต และกลุ่มทุนขนาดใหญ่อีกหลายแห่ง เม็ดเงินลงทุนหลายหมื่นล้านบาทที่เตรียมจะเข้ามาลงทุนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงภาครัฐที่ออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ จึงส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ย่านนี้คึกคักมากขึ้น
\r\n\r\nล่าสุด บริษัทฯ ได้เปิดขาย “แลนซีโอ คริป ปิ่นเกล้า - พระราม 5 (ซ.วัดพระเงิน)” บ้านเดี่ยว บ้านแนวคิดใหม่ พิเศษด้วยพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่พิเศษ (KING SIZE) ตั้งแต่ 135 - 182 ตร.ม. ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 68 ไร่ พรั่งพร้อมด้วยสโมสรและสวนสาธารณะขนาดใหญ่ พร้อมกล้องCCTV และ ร.ป.ภ. 24 ชั่วโมง ในทำเลศักยภาพของจังหวัดนนทบุรีที่เชื่อมต่อทุกการเดินทาง โดยอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีม่วง, ทางด่วนใหม่ศรีรัช, จุดขึ้นลงทางยกระดับบรมราชชนนี และการเดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ ส่วนใน ผ่านทางถนนราชพฤกษ์ - รัตนาธิเบศร์ - พระราม 5 นอกจากนั้นยังอยู่ใกล้เพียง 5 นาทีถึงศูนย์การค้าพลัส มอลล์ บางใหญ่ (Plus mall) และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสท์เกต (Central Westgate) เปิดตัวที่ราคาเริ่มต้น 2.9 - 5 ล้านบาท
\r\n\r\nสำหรับการออกแบบบ้านมีความงดงามของลายเส้นในสไตล์ Modern Stripe Contemporary มีให้เลือก 4 สไตล์ ได้แก่ 1. แบบบ้าน Click Creek พื้นที่ใช้สอย 135-148 ตร.ม. จำนวน 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องรับประทานอาหารครัวแยกเป็นสัดส่วน เคาน์เตอร์เตรียมอาหาร ระเบียงชมวิว และที่จอดรถ 1-2 คัน 2. แบบบ้าน Cottage พื้นที่ใช้สอย 150-158 ตร.ม. จำนวน 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ห้องรับประทานอาหาร ครัวแยกสัดส่วน ระเบียงชมวิว และที่จอดรถ 1-2 คัน 3. แบบบ้าน Crystal พื้นที่ใช้สอย 170 ตร.ม. จำนวน 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ห้องรับประทานอาหาร ครัวแยกสัดส่วน เคาน์เตอร์เตรียมอาหาร ระเบียงชมวิว และที่จอดรถ 2 คัน และ 4. แบบบ้าน Crest พื้นที่ใช้สอย 182 ตร.ม. จำนวน 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ห้องรับประทานอาหาร ครัวแยกสัดส่วน เคาน์เตอร์เตรียมอาหาร ระเบียงชมวิว และที่จอดรถ 2 คัน
\r\n\r\nส่วนโครงการในทำเลฝั่งตะวันตกของลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ประกอบด้วย แลนซีโอ คริป ปิ่นเกล้า - วงแหวนปิ่นเกล้า (ส้มเกลี้ยง), แลนซีโอ คริป รัตนาธิเบศร์ - สถานีท่าอิฐ, ไลโอ นอฟ วงแหวน - ปิ่นเกล้า,ไลโอ รัตนาธิเบศร์ และบ้านลลิล รัตนาธิเบศร์ - เวสต์เกต ราคาเริ่มต้น 2.79-5 ล้าน สอบถามเพิ่มเติมโทร Call Center 1778 หรือเว็บไซต์ www.lalinproperty.com
ผ่านมา 1 เดือน หลังรัฐคลอดมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ คาดหวังจะเป็นยาแรงทำให้ผู้ประกอบการระบายสต๊อกเก่าที่ลูกค้าชะลอโอนได้ สะดวกโยธิน และกระตุ้นให้เกิดยอดขายจากซัพพลายใหม่ หลังปลดล็อกเรื่องกู้ไม่ผ่าน สำหรับบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท
\r\n\r\nแต่ ดูเหมือนผลตอบรับที่ออกมายังไม่ถึงเป้าอย่างที่คาดเพราะเป็นแค่ยาช่วย กระตุ้นต่อมคนให้อยากมีบ้าน แต่ไม่ช่วยกระตุกยอดขายได้อย่างที่หวัง
\r\n\r\nจาก การสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการหลายบริษัท ต่างประสานเสียงว่าลูกค้าคึกคักขึ้น แต่ยอดขายยังเพิ่มไม่มาก ขณะเดียวกันมีผู้เข้าไปค้นหาการซื้อขายบ้านผ่านเว็บไซต์เพิ่มมากขึ้น
\r\n\r\nเช่น เว็บไซต์ DDproperty.com สื่อกลางการซื้อขายอสังหาฯ พบว่า ช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ยอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 32% จากเดือน ก.ย. และ
\r\n\r\nมีการค้นหาบ้านเดี่ยวสูงสุด 45%
\r\n\r\nส่วน ความเคลื่อนไหวการขอสินเชื่อจาก "ธอส.-ธนาคารอาคารสงเคราะห์" วงเงินกู้ 1 หมื่นล้านบาท ทาง "สุรชัย ดนัยตั้งตระกูล" ประธานกรรมการ ธอส.กล่าวว่า มีผู้ยื่นความจำนงขอกู้สินเชื่อผ่านแพ็กเกจดังกล่าวกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ถึงสิ้นเดือน พ.ย.นี้ น่าจะอนุมัติได้กว่า 5 พันล้านบาท และได้ครบตามวงเงินปลายเดือน ม.ค. 2559 และยังไม่ปิดรับการยื่นความจำนง เพราะสามารถขยายวงเงินเพิ่มได้อีก 1 หมื่นล้านบาท
\r\n\r\nขณะที่ "พนม กาญจนเทียมเท่า" กรรมการผู้จัดการ บจ.ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมทั้งตลาดยังไม่คึกคัก เพราะสิทธิประโยชน์จากรัฐยังไม่จูงใจและให้สิทธิระยะสั้น เป็นการกระตุ้นการโอนให้กับยอดขายมีอยู่แล้วมากกว่า และยิ่งเน้นกลุ่มสินค้าราคาต่ำ จะต้องพิจารณาอัตรารีเจ็กต์เรตที่ยังสูง แม้ ธอส.และธนาคารออมสินจะมีแพ็กเกจสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรนแห่งละ 1 หมื่นล้านบาท แต่ไม่เพียงพอ ในปีหน้าอาจจะปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะช่วงใกล้หมดมาตรการลดค่าโอน-จดจำนองเหลือ 0.01% ในเดือน เม.ย. แต่ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจด้วย
\r\n\r\nด้าน "วิทการ จันทวิมล" รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์การตลาด บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า มาตรการรัฐที่ช่วยลดค่าโอน-จดจำนองมีส่วนทำให้ความต้องการซื้อของลูกค้าดี ขึ้น มีคนเข้าเยี่ยมชมโครงการหลังมาตรการประกาศใช้เพิ่มกว่า 50% เทียบกับไตรมาสก่อน
\r\n\r\nทั้งนี้ ผู้ประกอบการจะต้องให้โปรโมชั่นร่วมด้วยเพื่อจูงใจลูกค้า บริษัทมีโปรโมชั่นแต่ละกลุ่มสินค้า เช่น คอนโดมิเนียมมีแคมเปญ "แพ็กยัวร์แบ็ก" ทาวน์เฮาส์มีแคมเปญ "เอ็กซ์ตร้า ซีโร่" จะสิ้นสุด ธ.ค.นี้ และปีหน้าจะมีโปรโมชั่นใหม่กระตุ้นต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นเดือน เม.ย. ส่วนสต๊อกพร้อมอยู่ของเอพี มี 1,590 ยูนิต มูลค่า 5,900 ล้านบาท เป็นแนวสูง 1,100 ยูนิต มูลค่า 3,900 ล้านบาท และแนวราบ 490 ยูนิต มูลค่า 2,000 ล้านบาท
\r\n\r\nผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการและกรรมการบริหาร บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า ยอดเยี่ยมชมโครงการเพิ่มขึ้น 30-40% จากไตรมาสก่อน สะท้อนว่าลูกค้ามีความสนใจซื้อเพิ่ม แต่ยอดขายเพิ่มขึ้นไม่มาก เพราะมาตรการรัฐด้านสินเชื่อผ่าน ธอส.เจาะกลุ่มผู้มีรายได้ไม่เกิน 3 หมื่นบาท/เดือน ทำให้อัตรากู้ไม่ผ่านของเสนาฯไม่ได้ลดลงจากมีอยู่ 10-20% ขณะที่สต๊อกพร้อมโอนมี 1,000 ยูนิต มูลค่า 2-3 พันล้านบาท เป็นแนวราบ 200 ยูนิต และแนวสูง 800 ยูนิต ไม่ได้ลดลง
\r\n\r\nด้าน "วงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต" ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค กล่าวว่า ยอดขายดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพิ่มขึ้น 40-50% ทุกระดับราคาของบ้านแนวราบ เพราะไตรมาสที่ผ่านมามีการชะลอตัว ส่วนคอนโดฯเพิ่มขึ้นบ้าง
\r\n\r\nด้านสต๊อกถึงสิ้นเดือน เม.ย. 2559 มีกว่า 1 หมื่นล้านบาท เป็นแนวราบ 6 พันล้านบาท และแนวสูง 4 พันล้านบาท มีคอนโดฯที่สร้างเสร็จช่วงเวลามาตรการรัฐ คือ เดอะ สกาย สุขุมวิท, เมโทรลักซ์พระราม 4 และเบลล่า คอสต้า หัวหิน
\r\n\r\nหากนำยอดขายเทียบช่วง เดียวกันปีก่อน ถือว่าดีขึ้นเล็กน้อย ถึงไม่ได้พุ่งแรงมาก แต่ก็เป็นการช่วยเหลือภาคอสังหาฯแล้ว เพราะไตรมาส 3 สัญญาณตลาดเป็นลบ เมื่อมีมาตรการรัฐจึงเป็นแรงหนุนให้ไตรมาส 4 ส่งสัญญาณฟื้นจากลบเป็นบวก
\r\n\r\nหากไม่มีมาตรการ ยอดขายอาจไหลลงต่อเนื่องไปจนสิ้นปีก็ได้ !
\r\n\r\n\r\n\r\n
ขอบคุณที่มา ประชาชาติธุรกิจ
\r\n\r\n
ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “โน๊ตบุ๊ค” คือสิ่งสำคัญทั้งในการเรียน และการทำงาน ซึ่งมันช่วยให้การทำงานนั้นง่ายขึ้น สื่อสารได้รวดเร็ว แต่คุณเคยดูแลรักษามันบ้างหรือเปล่า หรือเพียงแค่ใช้ไปจนกว่ามันจะพัง จะดีกว่าไหมถ้าทำให้มันใช้งานได้นานๆ มาดูเคล็ดลับดีๆที่จะช่วยถนอมโน๊ตบุ๊คให้อยู่กับคุณไปได้ยาวนาน…
เพราะการมีผิวหน้าขาวสะอาดใสเกลี้ยงเกลา เป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนา จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสาว ๆ ถึงพยายามเสาะหาวิธีมาขจัดสิวให้กระเด็นออกไปพ้นหูพ้นตา วันนี้กระปุกดอทคอมได้นำเอาอีกหนึ่งเทคนิครักษาสิวด้วยการใช้น้ำเกลือล้างแผลเช็ดทำความสะอาดผิวหน้า เพื่อช่วยบรรเทาอาการสิวและปรับสมดุลผิวได้เป็นอย่างดีมาฝาก หากใครกำลังสงสัยว่าน้ำเกลือล้างแผลจะช่วยดูแลผิวที่เกิดสิวได้ดีจริงหรือเปล่านั้น ก็ต้องรีบไปดูกันเลยจ้า
\r\n\r\nน้ำเกลือล้างแผล หรือ น้ำยาไฮโซโทนิค โซเดียมครอไลด์ คือ น้ำเกลือที่ปราศจากเชื้อและแอลกอฮอลล์ อันมีฤทธ์เป็นกลางและมีส่วนผสมใกล้เคียงกับน้ำหล่อเลี้ยงในร่างกาย ซึ่งถือเป็นเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ใช้เพื่อชำระทำความสะอาดบาดแผล โพรงจมูกและคอนเทคเลนส์ไปจนถึงละลายยาภายนอก จึงถือได้ว่าน้ำเกลือล้างแผลมีความอ่อนโยนและเหมาะสมกับผิวหน้าของผู้ที่มีสิวอักเสบ สิวผดและผิวแพ้ง่าย
\r\n\r\nวิธีการเช็ดหน้าด้วยน้ำเกลือล้างแผล : เทน้ำเกลือใส่ลงบนแผ่นสำลีพอเปียกชุ่ม แล้วเช็ดให้ทั่วใบหน้าและลำคอหลังล้างหน้าเป็นประจำ หรืออาจใช้วิธีการมาส์กสำลีชุบน้ำเกลือแปะให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที เพื่อบรรเทาสิวผด สิวอักเสบ สิวหนองให้ยุบตัวเร็วขึ้น ทั้งยังช่วยลดสิ่งตกค้างบนผิวทำให้รูขุมขุนกระชับเล็กลงได้
\r\n\r\nหากสาว ๆ คนไหนสนใจนำน้ำเกลือมาเป็นโทนเนอร์เช็ดหน้าเพื่อช่วยบรรเทาอาการสิว ก็ควรรักษาความสะอาดของน้ำเกลือล้างแผลด้วยการวางเก็บไว้ในที่แห้งสะอาดและปิดฝาให้สนิททุกครั้ง เพื่อป้องกันฝุ่นและเชื้อโรคลงไปปนเปื้อนกับน้ำเกลือ
\r\n\r\n\r\n\r\n
ที่มา:kapok และ news.tsgclub.net
สิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับมนุษย์เงินเดือนยุคนี้คือการไม่มีเงินออม หลาย ๆ คนมีเงินแค่เดือนชนเดือน บางคนไม่เหลือเงินสดใช้จ่าย จึงหันไปใช้เงินหมุนเงินจากบัตรกดเงินสดบ้าง บัตรเครดิตบ้าง บางคนฟุ่มเฟือยจนมีแต่หนี้ พฤติกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้หลายคนไม่มีเงินออมสำหรับอนาคต แต่เรื่องการออมไม่มีคำว่าสายหากมีความพยายามและตั้งใจ วิธีการบริหารเงินเดือนให้เหลือเก็บแท้จริงนั้นไม่ยาก วันนี้จึงขอนำเคล็ดลับ บริหารเงินเดือน มาบอกเล่าให้คุณฟังกัน
\r\n\r\nสำหรับคนที่เป็นหนี้เยอะเงินเหลือไม่พอใช้
\r\n\r\nก่อนอื่นก็ให้คำนวณรายรับรายจ่ายทั้งหมดก่อนว่ามีอันไหนจำเป็นที่ต้องจ่ายบ้าง เช่น ค่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ให้แบ่งเงินส่วนหนึ่งไว้เพื่อใช้จ่ายในส่วนจำเป็นต่อการดำรงชีวิตนี้ส่วนนี้
\r\n\r\nต่อไป คือ หนี้สินต่าง ๆ ก็ต้องมาวิเคราะห์กันว่าจะทำอย่างไรให้เหลือหนี้น้อยที่สุดและมีเงินสดหมุนเวียนโดยไม่ต้องเป็นหนี้อีก เช่น หากมีหนี้หลายแห่งควรรีไฟแนนซ์ให้เหลือรวมเป็นยอดเดียว ยอมผ่อนนานขึ้น แต่ยอดจ่ายรายเดือนจะลดลง และต้องไม่สร้างหนี้ใหม่เพิ่ม วิธีนี้จะทำให้จ่ายหนี้ได้คล่องขึ้นและมีโอกาสหมดหนี้และมีเงินเหลือ
\r\n\r\nต่อมาในการใช้จ่ายประจำวันสิ่งไหนไม่จำเป็นก็ควรลด ละ เลิก เรียกง่าย ๆ ว่าประหยัดกันให้สุด ๆ เพื่อให้เงินที่แบ่งไว้สำหรับใช้ประจำวันเพียงพอโดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องยืมใครมาใช้จ่ายอีก อะไรที่ฟุ่มเฟือยให้งด อย่าซื้อ ใครจะว่า หรือนินทาว่าคุณใส่แต่ของถูก ไร้รสนิยม ก็อย่าไปใส่ใจ และจงจำไว้ว่าพวกเขาไม่ได้มาซื้อให้เราไม่ได้มาจ่ายให้เรา ดังนั้น อย่าได้แคร์กับคำนินทา
\r\n\r\nนอกจากจะต้องงดจ่ายสิ่งของฟุ่มเฟือยแล้ว คุณควรหันมาเก็บออมเงินมากขึ้น หยอดเงินวันละนิดคือสิ่งที่ควรทำ ลองออมด้วยวิธีง่าย ๆ เพียงหยอดกระปุกวันละ 10 บาท โดยตั้งใจไว้ว่ากระปุกนี้จะไม่เปิดจนกว่าจะครบ 1 ปีเพื่อนำเงินฝากธนาคาร วิธีนี้อาจจะดูน่าขำ แต่รู้ไหมว่าในยามที่ขัดสนจริง ๆ เงินในกระปุกจะต่อชีวิตเราได้ หลาย ๆ คนที่เคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มาคงรู้ดี อดทนทำแบบนี้ไปเรื่อยจนกว่าหนี้จะลดและมีเงินสดหมุนเวียนใช้จ่ายได้คล่องตัวขึ้นก็ให้เพิ่มยอดเงินเก็บไปเรื่อยจะหยอดกระปุก หรือจะนำเงินฝากธนาคารก็ได้ตามความสะดวกของคุณ จงจำไว้ว่าเมื่อหนี้ลดก็อย่าเพิ่มหนี้เพื่อให้ชีวิตปลดหนี้ได้อย่างถาวร
\r\n\r\nส่วนคนที่ไม่มีหนี้หรือมีหนี้น้อย เงินเดือนพอใช้จ่ายสบาย ๆ
\r\n\r\nการแบ่งเงินออมเป็นเรื่องที่สมควรทำอย่างยิ่งโดยการออมเงินที่เหมาะสมนั้น ควรแบ่งเงินเป็น 4 กอง คือ
\r\n\r\nเงินใช้จ่าย
\r\n\r\nเงินออม
\r\n\r\nเงินลงทุน
\r\n\r\nเงินสำรองฉุกเฉิน
\r\n\r\nวิธีการนี้จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนด้านการเงินได้อย่างปลอดภัยนอกจากนี้สำหรับคนที่ยังไม่เข้าใจว่าควรจะ บริหารเงินเดือน อย่างไรให้เหลือเก็บ และควรใช้อย่างไรลองมาดูวิธีง่าย ๆ ในการบริหารเงินให้เหลือออมโดยการจดบันทึกรายรับรายจ่ายในแต่ละวัน จะจดลงสมุด หรือบันทึกผ่านแอพในสมาร์ทโฟนก็ได้ วิธีนี้จะทำให้รู้ได้เลยว่าแต่ละวันใช้เงินไปเท่าไหร่ โดยบันทึกทั้งการจ่ายเงินสด งดใช้บัตรเครดิตและสมควรทำการปิดบัตรเครดิตทุกใบ รวมถึงการบันทึกยอดหนี้ต่างที่จ่ายในแต่ละเดือน ซึ่งจะทำให้เราวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้เงินของตัวเองได้ง่าย ๆ เลยว่าใช้อะไรที่นอกเหนือความจำเป็นบ้าง อะไรที่ควรลดละเลิกในการจ่ายเงิน แต่มีข้อแม้ว่าต้องบันทึกทุกวันทุกรายการ เมื่อถึงสิ้นเดือนจะทำให้รู้ว่าทั้งเดือนจ่ายไปเท่าไหร่ จ่ายอะไรไปบ้าง เหลือเท่าไหร่และยังประมาณการยอดใช้จ่ายในเดือนหน้าได้อีกด้วย
\r\n\r\nการออมเงินนั้นไม่ได้หมายความว่าจะกระทำได้เฉพาะผู้ที่มีเงินเดือนสูง แม้ในผู้ที่มีรายได้น้อยก็สามารถออมเงินได้หากทำการวางแผนการเงินที่ดีพอ เมื่อเรารู้ว่าเรามีรายได้น้อย เราก็ควรจับจ่ายใช้สอยอย่างประหยัด ใช้สิ่งของต่าง ๆ ตามฐานะการเงินของตนเอง ฝึกนิสัยการออมอย่างสม่ำเสมอ หัดปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เมื่อได้ทำการจดบันทึกการใช้จ่ายแล้ว ต้องนั่งอ่านและพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบว่านิสัยการออมของตนเองนั้นเป็นอย่างไร มักจะฟุ่มเฟือยกับสิ่งใด สิ่งใดที่ไม่เป็นประโยชน์ เมื่อแยกแยะสิ่งที่ฟุ่มเฟือยกับสิ่งที่เป็นประโยชน์ออกจากกันได้ จากนั้นคุณก็ต้องฝึกนิสัยการไม่ซื้อของสุรุ่ยสุร่าย การออมจะเป็นหลักประกันให้กับคุณในวันข้างหน้าว่าคุณมีโอกาสที่จะเกษียณอายุได้อย่างสบาย
\r\n\r\nหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ทำงานเป็นพนักงานประจำและยังคงไม่มีเงินออม มันยังไม่สายเกินไปหากคุณจะเริ่มออมตั้งแต่วันนี้ การจัดการวางแผนการเงินที่ดีจะช่วยให้คุณมีเงินออมได้ การออมที่ดี คือ การออมที่จะไม่เบียดเบียนการใช้ชีวิตมากเกินไป คุณยังสามารถใช้จ่ายเงินในด้านต่าง ๆ ได้ เพียงแต่จะต้องจำกัดวงเงินในการใช้ให้อยู่ในงบประมาณที่ได้ตั้งเอาไว้ . หวังว่าเมื่อคุณอ่านบทความนี้จบ มันจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณได้ลุกขึ้นมาทำการออมเพื่ออนาคตของคุณเอง
\r\n\r\n\r\n\r\n
ขอขอบคุณที่มา : moneyhub.in.th/article/salary-plan และ www.thaihiggs.com
\r\n\r\n\r\n\r\n