สารพิษไรซิน
(RICIN)
่ข่าวจาก CNN วันที่ 9
มค. 2003 ระบุว่าตำรวจกรุงลอนดอนได้จับกุมผู้ต้องสงสัยคนที่
7 ที่มีสารพิษไรซินไว้ในครอบครองจำนวนเล็กน้อย ซึ่งผู้ต้องสงสัย
6 คนที่ถูกจับกุมไปแล้วเป็นชาวแอลจีเรีย โดยมีเบาะแสว่าสารเหล่านี้เชื่อมโยงกับขบวนการก่อการร้ายอัลเคดา
มีการสืบค้นพบว่าสารพิษเหล่านี้ ผลิตจากกรุงคาบุล เมืองหลวงของประเทศอาฟกานิสถาน
และเคยมีการเผยแพร่การจัดหลักสูตรฝึกอบรมการผลิตแก่เครือข่ายทั่วโลกมาแล้ว
แต่นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ให้นโยบายว่าควรเสนอข่าวนี้เพียงเพื่อให้ประชาชนตื่นตัวแต่ไม่ตื่นตกใจ
(To be alert, but not alarm and panicked)
สารพิษไรซินมีพิษทำให้ผู้สัมผัสถึงแก่ชีวิตโดยไม่มีทางรักษา
มีพิษร้ายแรงมากกว่าพิษงูเห่าถึง 2 เท่า อาการเมื่อได้รับพิษคือเป็นไข้
ปวดท้อง ท้องเสีย อาเจียน อวัยวะภายในถูกทำลาย และถึงแก่ความตายใน
36-48 ชั่วโมงโดยไม่มียาต้านพิษใดๆที่จะนำมาใช้รักษาได้
เนื่องมาจากระบบอวัยวะภายในต่างๆถูกทำลายหมดสิ้น อาทิเช่น
จะมีเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร ส่วนตับ ไต ม้าม และระบบหายใจล้มเหลว
หากถูกฉีดเข้าสู่ร่างกายในรูปที่เป็นของเหลวสารนี้จะทำลายกล้ามเนื้อและต่อมน้ำเหลืองบริเวณที่ฉีดทันที
แล้วจึงไปทำลายอวัยวะภายในเป็นลำดับถัดมา อย่างไรก็ดี
พบว่าสารไรซินมีพิษน้อยกว่าเชื้อแอนแทรกซ์ ประมาณ 4,000
เท่า แต่ต่างกันที่ผู้ป่วยแอนแทรกซ์สามารถรักษาให้หายได้หากชันสูตรพบแต่เนิ่นๆ
สารไรซินไม่สามารถแพร่กระจายโรคจากผู้ป่วยไปติดต่อผู้อื่นได้
แต่แอนแทรกซ์จัดเป็นโรคติดต่อร้ายแรง การใช้สารพิษไรซินส่วนใหญ่มุ่งเน้นการนำมาลอบฆ่ากันมากกว่านำมาใช้ทำอันตรายต่อคนหมู่มาก
เหยื่อรายแรกของสารไรซินเป็นนักหยังสือพิมพ์ชาวบัลแกเรียที่อาศัยในกรุงลอนดอน
ประเทศอังกฤษ ซึ่งเขียนข่าวต่อต้านรัฐบาลบัลกาเรีย เขาถูกทิ่มด้วยปลายร่มของชายคนหนึ่งที่ทำให้ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุขณะกำลังจะเดินข้ามสะพาน
Waterloo เมื่อปี 1978 และเสียชีวิตในเวลาอีก 4 วันต่อมา
จึงมีการเรียกชื่ออย่างไม่เป็นทางการของสารพิษนี้ว่า
The umbrella toxin
สารไรซินเป็นสารพิษในธรรมชาติ สกัดได้จากเมล็ดละหุ่ง โดยปกติผลผลิตละหุ่งที่สำรวจได้อย่างเป็นทางการทั่วโลกมีประมาณ
1 ล้านตันต่อปี เปลือกนอกของเมล็ดไม่มีสารพิษ การสกัดจึงต้องปอกเปลือกออกก่อน
ปริมาณของสารไรซินที่ทำให้เสียชีวิตได้คือประมาณ 450 ไมโครกรัมซึ่งสามารถเคลือบอยู่บนวัสดุที่มีขนาดเพียงหัวเข็มหมุดได้
ซึ่งแพทย์ได้พบวัสดุนี้ในกล้ามเนื้อศพของนักหนังสือพิมพ์ข้างต้น
แต่อย่างไรก็ดี แม้ว่าสารไรซินจะผลิตได้ง่าย มีต้นทุนต่ำ
แต่การที่จะใช้ในการสงครามจะต้องใช้ในปริมาณมากถึง 4 ตัน
ต่อเนื้อที่ 100 ตารางกิโลเมตร ซึ่งจะฆ่าผู้คนในบริเวณนั้นได้ร้อยละ
50 มีการคิดค้นและพัฒนาสารไรซินเพื่อนำมาเป็นอาวุธสงครามตั้งแต่เกิดสงครามโลกครั้งที่
1 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ยังไม่ได้นำมาใช้งาน ส่วนประเทศอังกฤษได้ศึกษาและพัฒนาในช่วงสงครามโลกครั้งที่
2 ที่เมือง Wilshire จึงมีชื่อเรียกสารนี้อย่างไม่เป็นทางการว่า
Compound W แต่ก็ไม่ได้ใช้งานจริงเช่นกัน ซึ่งเป็นการยืนยันว่าสารนี้ยังไม่เหมาะแก่การนำมาใช้เป็นอาวุธสงคราม
ในปัจจุบันพบมีการผลิตที่กรุงคาบุล และพบแผนการของอิรักที่กำหนดสารชนิดนี้ให้เป็นอาวุธชีวภาพและน่าจะมีสารชนิดนี้เก็บรักษาไว้จำนวนหนึ่งแล้ว
ซึ่งผู้เชี่ยวชาญสารพิษชาวตะวันตกผู้หนึ่งระบุว่าความเป็นไปได้ของการนำสารไรซินมาเป็นอาวุธชีวภาพคือการผลิตออกมาในรูปของละอองฝอย
(aerosol)เท่านั้น
สารไรซินประกอบไปด้วยโมเลกุลของโปรตีน
2 สาย ได้แก่โปรตีน A และโปรตีน B
เชื่อมต่อกันด้วย disulfide bond จะมีพิษมากเมื่อถูกตัดโดยธรรมชาติในร่างกายออกเป็นสายโปรตีนเดี่ยว
มีคุณสมบัติที่ทั้งเป็นพิษต่อเซลล์ (cytotoxic)
โดยไปยับยั้งการทำงานของโปรตีนและเอนไซม์ในไรโบโซม
และยังสามารถตกตะกอนเม็ดเลือดแดงได้ด้วย
ตามทฤษฎีระบุว่า สารไรซินเพียงโมเลกุลเดียวสามารถกระตุ้นให้เกิดการยับยั้งการทำงานของไรโบโซมได้ถึง
1,500 ไรโบโซมต่อนาที ซึ่งเพียงพอต่อการทำให้ผู้ได้รับสัมผัสเสียชีวิตได้ประเทศไทยอาจจะต้องเตรียมการสำหรับป้องกันการก่อการร้ายและในกรณีหากเกิดสงคราม
ระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิรักขึ้น โดยการตรวจสอบเข้มงวด
และเตรียมห้องปฏิบัติการฉุกเฉินไว้เพื่อตรวจสอบสารต้องสงสัยไว้ด้วย
<
ละหุ่ง >
ละหุ่ง
มีชื่อภาษาอังกฤษว่า castor bean ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Ricinus
communis เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กทรงพุ่มเตี้ย พบมีปลูกมากในประเทศบราซิล
และบริเวณประเทศในแถบเส้นศูนย์สูตรเช่นประเทศไทยขนาดความสูงของต้นละหุ่งประมาณ
3-5 เมตร มีใบเดี่ยวขนาดใหญ่คล้ายใบปาล์มขอบใบหยัก ก้านยาว
ผลมีหนามโดยรอบมี 3 พู รวม 3 เมล็ด เมล็ดแบนรี ด้านนอกโค้งด้านในแบน
เมล็ดมีสีชมพูเป็นลายพล้อยปนสีเทาเมล็ดที่แก่จัดจะนำไปใช้ประโยชน์มากมายทางด้านอุตสาหกรรม
ความเป็นพิษ
: ความเป็นพิษของละหุ่งเกิดจาก ไรซิน (ricin) ซึ่งเป็นสารที่มีพิษสูงมากชนิดหนึ่งในบรรดาอาณาจักรของพืช
เนื้อเยื่อในของเมล็ดละหุ่งประกอบด้วยไกลโคโปรตีน (glycoprotein)
เป็นสารที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังอักเสบ
เยื่อจมูกอักเสบ หอบหืดในหมู่คนงาน นอกจากนี้ส่วนของใบ
ลำต้น เมล็ดละหุ่งประกอบด้วย โปแตสเซียม ไนเตรท (Potassium
nitrate) และกรดไฮโดรไซยานิค ( Hydrocyanic acid) ขนาดของพิษ
ricin ที่ทำให้คนถึงแก่ชีวิตประมาณ 1 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว
1 กิโลกรัม หรือประมาณละหุ่ง 8 เมล็ด การกินเมล็ดละหุ่งโดยการเคี้ยวและกลืนเข้าไปจะเป็นอันตรายมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็ก
ซึ่งมีโอกาสที่จะแพ้สารพิษได้ง่าย แม้จะเป็นเพียงแค่เคี้ยว
และกลืนเข้าไปเพียง 1 เมล็ดเท่านั้นก็อาจเสียชีวิตได้
ลักษณะอาการ
: จากการกลืนกิน การแพ้พิษไรซิน (ricin) ตามปรกติจะใช้เวลานานหลายชั่วโมงจึงแสดงอาการ
ปฏิกิริยาการแพ้พิษในรายที่มีความไวอาจเกิดขึ้นทันทีหลังจากได้รับสารพิษ
อาการเบื้องต้นที่พบบ่อยคืออาการระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร
รวมทั้งเกิดแผล พุ พอง ในระบบทางเดินหายใจ ต่อมามีอาการคลื่นไส้
อาเจียน อุจจาระร่วง และปวดท้องจนตัวงอ (colicky abdominal
pain) ในรายที่มีอาการรุนแรงกระเพาะอาหารจะอักเสบและมีเลือดไหลออกในกระเพาะอาหาร
ซึ่งพิษของไรซินจะมีผลต่ออวัยวะต่าง ๆ เช่น ไต ตับ และตับอ่อน
(C) sipcn@mahidol.ac.th
เรียบเรียงจาก:
Website WWW.CNN.COM/Europe