|
ยามค่ำคืนแถวหน่วยฯหนองแม่นาจะมีกวางออกมากินหญ้าระบัดกันเป็นจำนวนมาก |
|
|
แม้ว่าจะยังไม่เข้าวสันต์ฤดูอย่างเป็นทางการ แต่พระพิรุณที่โปรยปรายลงมา ก็สร้างความชุ่มฉ่ำชุ่มชื่นให้กับพื้นดินที่แล้งน้ำไปเป็นเวลานานได้ไม่น้อย
พอฝนโปรย ดินชุ่มฉ่ำ ต้นไม้น้อยใหญ่ในผืนป่า ก็กลับมาเขียวชอุ่มมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ทางด้านหญ้าที่หลบซ่อนกออยู่ใต้ดิน ก็แตกใบอ่อนเป็นหญ้าระบัดพัดพลิ้วใบล้อสายลม
และเมื่อพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่มีทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มกว้างไกล ตั้งแต่ช่วงฤดูฝนไปถึงฤดูหนาว อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง นับเป็นหนึ่งในดินแดนแห่งทุ่งหญ้าที่สวยงามระดับคลาสสิก แห่งหนึ่งในเมืองไทย และก็เป็นดินแดนที่ ผู้จัดการท่องเที่ยว เพิ่งได้ขึ้นไปตะลอนเที่ยวมาแบบสดๆเปียกๆ
|
|
สายหมอกหน้าร้อนยามเช้าเมื่อมองจากจุดชมวิวดุสิตา |
|
|
โดยตอนที่เราไปถึงยังที่ทำการหน่วยฯหนองแม่นาในช่วงโพล้เพล้ของวันอากาศครึ้ม แต่ว่าอากาศของที่ทุ่งแสลงหลวงกับเย็นสบาย บางจังหวะก็มีสายลมเอื่อยๆพัดอ้อยอิ่งมาสัมผัสผิวกายให้เรารู้สึกได้ถึงอารมณ์ยะเยือกแห่งป่าเขายามค่ำคืน
และตามประสาคนที่มีเงาและความเหงาเป็นเพื่อน หลังมื้อค่ำของวันนั้นที่มีฝนตกปรอยๆ เราก็ร่วมนั่งก๊ง กับเพื่อนร่วมก๊วนที่ร่วมเดินทางและเจ้าหน้าที่อุทยานฯ พร้อมๆกับคุยกันในเรื่องราวต่างๆมากมาย
จนกระทั่งเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ฝนเริ่มเงียบ คุณบรรพต คันธเสน หัวหน้าอช.ก็ได้ชักชวน ผู้จัดการท่องเที่ยว และเพื่อนๆร่วมทริป ออกส่องสัตว์ยามราตรี เพราะว่าหลังฝนอย่างนี้ พวกเก้ง กวาง นอยมออกมาและเล็มกินหญ้าอ่อนกันเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้กิจกรรมส่องสัตว์ ในอนาคตทางอุทยานฯก็มีแผนว่าจะบรรจุให้เป็นหนึ่งในกิจกรรมท่องเที่ยวของทุ่งแสลงหลวง โดยเฉพาะช่วงที่เริ่มมีฝนแรกโปรยปรายลงมาสร้างความชุ่มชื้นให้กับพื้นดิน พร้อมๆกับการเติบโตของหญ้าอ่อน หรือหญ้าระบัดเต็มท้องทุ่ง
|
|
|
ต้นแสลงใจหนึ่งในที่มาของทุ่งแสลงหลวง |
|
|
สำหรับหญ้าอ่อนพวกนี้ นอกจากโคแก่อย่างเพื่อนๆเราหลายคน ที่ร่วมนั่งรถไปส่องสัตว์ จะชอบกินแล้ว พวกเก้ง กวาง อีเห็น ชะมด ก็ชอบออกมากินเช่นกัน
โดยในคืนวันนั้นสัตว์ที่ ผู้จัดการท่องเที่ยว เห็นแบบตัวเป็นๆมากินหญ้าอ่อน ก็จะเป็นพวกเก้ง กวาง ประมาณ 20 ตัว และก็มีชะมดวิ่งมาจ้องแสงไฟให้ดูตื่นเต้นขึ้นอีก 1 ตัว
ก่อนที่เราจะอำลาจากการส่องสัตว์ กลับสู่ที่พัก ปฏิบัติภารกิจกันตามอัธยาศัย โดยเพื่อนเราบางคนก็เลือกนั่งก๊งต่อ ส่วนบางคนก็รีบเข้านอนเพราะติดนิสัยเด็กอนามัยมาจนชิน
สำหรับเราแล้ว คืนนี้เลือกที่จะไปนั่งดูดาวยามราตรี เติมอารมณ์สุนทรีก่อนเข้านอน แม้ว่าจะไม่ค่อยมีดาวให้เห็นมากนักเนื่องจากอากาศหลังฝนยังคงทึบทึมอยู่ แต่ว่าเราก็ใช้จินตนาการสร้างดาวขึ้นมาในจิตใจนับหลายล้านดวง ก่อนที่จะเข้าไปนอนหลับอุตุในที่พักของอุทยานฯ
.................................................
...อากาศของเช้าวันใหม่ ในอช.ทุ่งแสลงค่อนข้างเย็น...
ในเช้าวันนี้พวกเราเลือกตื่นกันแต่เช้ามืด(ประมาณ ตี 5 ครึ่ง) เพื่อออกเดินทางไปชมอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า ที่จุดชมวิวดุสิตา (ใช้เวลาจากหน่วยฯหนองแม่นาประมาณ 20 นาที) ซึ่งถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เห็นดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าเป็นดวงแดงกลมโตเนื่องจากวันนั้นฟ้าปิด แต่ว่าเราก็ได้เห็นหมอกขาวโพลนที่ค่อยๆลอยอ้อยอิ่ง ผ่านต้นไม้ใบหญ้าที่เริ่มผลิใบออกสีเขียวอ่อนๆ โดยมีฉากหลังเป็นทิวเขาและท้องฟ้าสีออกเหลืองเรื่อเรือง ดูกึ่งจริงกึ่งฝันคล้ายภาพวาดอิมเพรสชั่นนิสต์
แดดอ่อนๆเริ่มส่องแสงรำไร คณะของเราก็ไม่รอช้าใดๆ ออกเดินทางต่อสู่ ทุ่งนางพญา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในทุ่งที่น่าสนใจแห่งอช.ทุ่งแสลงหลวง
|
|
ป่าสนบริเวณทุ่งนางพญายามแดดอุ่นๆ |
|
|
|
ระหว่างทางเราผ่านป่าสน ป่าดิบแล้ง โดยไม่ลืมที่จะหยุดแวะชมต้น แสลงใจ ซึ่งว่ากันว่า ไอ้เจ้าต้นแสลงใจนี้แหละเป็นหนึ่งในที่มาของชื่อทุ่งแสลงหลวง เนื่องจากสมัยก่อนบริเวณป่าแถวนี้มีต้นแสลงใจอยู่เยอะ ก่อนที่ชื่อจะถูกปรับเปลี่ยนเป็นทุ่งแสลงหลวงเนื่องจากฟังเนียนหูกว่า
สำหรับต้นแสลงใจถือเป็นไม้ยืนต้น ที่มีผลกลมๆสีเหลือง โดยเม็ดนั้นสามารถอมแก้ไข้ป่าได้ แต่ว่าห้ามกลืนเม็ดเด็ดขาดเพราะกินแล้วตายทันที เรียกว่าชื่อต้นไม้นั้นฟังแสลงใจ ส่วนเม็ดนั้นถ้าหากกินก็แสลงกายตายสนิท เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ที่นำทางบอกกับ ผู้จัดการท่องเที่ยว
จากจุดชมต้นแสลงใจชั่วเวลาประมาณหม้อข้าวไฟฟ้าเดือด เราก็มาถึงยังทุ่งนางพญา หรือทุ่งนางพญาเมืองเลน ที่มีพื้นที่ประมาณ 16 ตารางกิโลเมตร ซึ่งนับเป็นป่าสนที่สวยงามและยิ่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย
โดยบรรยากาศยามเช้าประมาณ 7 โมง ที่ ผู้จัดการท่องเที่ยว ไปถึงทุ่งนางพญาจะมีแสงแดดอ่อนๆอุ่นๆส่องมากระทบตามป่าสน ต้นหญ้า ดงเฟิร์น ไม้เล็กไม้น้อย ที่นับว่าบรรยากาศและองค์ประกอบต่างๆ ของธรรมชาติล้วนอยู่กันอย่างกลมกลืนลงตัว
|
|
|
ต้นเฟิร์นยามเช้าใต้ทิวสนแถวทุ่งนางพญา |
|
|
ยิ่งเมื่อยามแสงแดดอ่อนส่องต้องมายังดงสนที่มองเห็นริ้วรอยแตกของเปลือกสนแบบไร้ทิศทาง แต่ว่าไม่ไร้ความงาม
ตามพื้นดินเบื้องล่างหญ้าที่เพิ่งระบัดยามสายลมพัดผ่านก็จะพลิ้วไหวตามเล็กน้อยแบบเอียงอาย ซึ่งคล้ายๆกับว่าหญ้าเหล่านี้เป็นดังสาวแรกรุ่นที่เอียงอายต่อสายตาชายหนุ่ม แต่ถ้าหากหญ้าโตเต็มที่ ยามต้องลมก็จะพัดพลิ้วไหวไปมา ลู่ลม ดูคล้ายดังสาวที่โตเต็มวัยที่รู้จักทิศทางลม ลู่ไหวเพื่อให้ต้องใจชายที่ตนรัก
และนอกจากความสูงตระหง่านของต้นสนแล้ว ที่ใต้ต้นสนบางช่วงก็มีดงเฟิร์นขึ้นเรียงรายเต็มพรึ่ดไปหมด ซึ่งถ้าหากว่าใครผ่านเลยก็จะไม่เห็นความงามของเหล่าเฟิร์น ยามสลัดน้ำค้างที่ทิ้งประกายไว้บนยอดที่โค้งงอ
เรียกได้ว่าองค์ประกอบป่าสนบริเวณทุ่งนางพญานั้น ธรรมชาติได้บรรจงสร้างสรรค์ให้ออกมากลมกลืนกัน ทำให้บริเวณนั้นกลายเป็นหนึ่งในดินแดนที่ตราตรึงใจของผู้ที่พานพบ
...พูดถึงความกลมกลืนของธรรมชาตินี่ ผู้จัดการท่องเที่ยว อดนึกถึงมนุษย์เราไม่ได้ เพราะนับจากอดีตจนปัจจุบันนี้มนุษย์ไม่เคยคิดที่จะอยู่กันอย่างกลมกลืน แต่มนุษย์กลับเลือกที่จะอยู่กันอย่างแบ่งแยก การรบราฆ่าฟัน สงครามต่างๆ จึงเกิดขึ้นตลอดเวลา หรือว่านี่แหละคือธรรมชาติของมนุษย์...
แสงแดดแรงขึ้น อากาศก็เริ่มร้อนขึ้น พวกเราค่อยๆเคลื่อนขบวนออกจากทุ่งนางพญา ตามทางสายเก่ากลับสู่ที่พัก ที่ หน่วยฯหนองแม่นา เพื่อเก็บข้าวเก็บของอำลา อช.ทุ่งแสลงหลวง ที่หลังฝนนี้เราไปเที่ยวทุ่งแสลงหลวงแล้วไม่รู้สึกแสลงใจเลยสักนิด
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
|
|
น้ำตกแก่งโสภา |
|
|
อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง มีพื้นที่ครอบคลุมในท้องที่ อ.วังทอง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก และ อ.หล่มสัก อ.เมือง อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ มีเนื้อที่789,000 ไร่ หรือประมาณ1,262.55 ตารางกิโลเมตร หรือ สภาพทั่วไปเป็นภูเขา มีทุ่งหญ้าสะวันนาและป่าสนอยู่หลายจุด มีจุดสูงสุดคือ บริเวณเขาแค สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,028 เมตรอันเป็นต้นน้ำลำธารหลายสาย เช่น ห้วยเข็กใหญ่ ห้วยเข็กน้อย มีสภาพธรรมชาติ ทิวทัศน์ ที่สวยงาม
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงก็มี
น้ำตกแก่งโสภา เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่เกิดจากลำห้วยเข็กใหญ่ไหลผ่านหน้าผาประมาณ 3 ชั้น ตั้งอยู่ระหว่างกิโลเมตรที่ 71-72 ของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) ซึ่งจะมีทางแยกเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร
ทุ่งแสลงหลวง เป็นทุ่งหญ้าแบบสะวันนา อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 60 กิโลเมตร ตั้งอยู่บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล.8 (หนองแม่นา) สภาพพื้นที่เป็นทุ่งหญ้าโล่งใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 10 ตารางกิโลเมตร ตามเส้นทางจะตัดผ่านป่าเบญจพรรณจะพบสัตว์ป่าออกมาหากินตามข้างทางเป็นประจำ และพันธุ์ไม้ดอกมากมาย
ทุ่งนางพญา เป็นทุ่งหญ้าสลับป่าสนสองใบสลับกับป่าดิบแล้ง มีที่กางเต็นท์ในบริเวณนี้ ปัจจุบันเป็นที่นิยมสำหรับกิจกรรมปั่นจักรยานเสือภูเขา อยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล.8 (หนองแม่นา) ประมาณ 14 กิโลเมตร ปัจจุบันเป็นที่นิยมสำหรับกิจกรรมปั่นจักรยานเสือภูเขา
ทุ่งโนนสน เป็นทุ่งหญ้าสลับกับป่าสนเขาที่สวยงามมาก โดยเฉพาะในช่วงปลายฝนต้นหนาว ตามบริเวณลานหินจะเต็มไปด้วยดอกไม้เล็กๆ เช่น ดุสิตา สร้อยสุวรรณา กระดุมเงิน นับเป็นทุ่งดอกไม้ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง ปัจจุบันเป็นที่นิยมสำหรับกิจกรรมปั่นจักรยานเสือภูเขาเช่นกัน การเดินทาง สามารถเดินทางโดยรถยนต์จากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล.8 (หนองแม่นา) มาประมาณ 17 กิโลเมตร แล้วเดินเท้าเข้าไปอีก 15 กิโลเมตร จึงจะถึง
แก่งวังน้ำเย็น เป็นแก่งหินขนาดใหญ่กว้าง 40-50 เมตร ยาวหลายร้อยเมตร ประกอบด้วยแก่งหินขนาดใหญ่หลายแก่ง โดยในระหว่างแก่งแต่ละแก่งเป็นวังน้ำลึกขนาดใหญ่ อยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล.8 (หนองแม่นา) ไปตามทางที่จะไปทุ่งโนนสนประมาณ 7 กิโลเมตร ที่นี่มีสัตว์ที่น่าสนใจให้ดูหลายชนิด ผีเสื้อถุงทองป่าสูง ผีเสื้อหนอนคืบสไบแดง หอยตูดตัด แมงกะพรุนน้ำจืด
การเดินทางสู่หน่วยจัดการอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงที่ 1 (หนองแม่นา) สามารถเดินทางได้โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 21 ไปทาง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร ถึงบ้านนางั่วเลี้ยวซ้ายตามทางหลวงหมายเลข 2258 ขึ้นเขาค้อผ่านสี่แยกบ้านสะเดาพงษ์ ผ่านพระตำหนักเขาค้อตรงไปจนถึงบ้านทานตะวัน เลี้ยวขวาตามทางลูกรังประมาณ 4 กิโลเมตร จะถึงหน่วยจัดการอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ที่ 1 (หนองแม่นา) ติดต่อสอบถามและจองบ้านพักได้ที่ ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติกรมป่าไม้ โทร.0-2561-4292-3 ต่อ 724-725 และที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง โทร. 0-5526-8019
และนอกจากที่จะไปเที่ยวชมธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง คือ การพายเรือแจว ชมธรรมชาติแก่งบางระจัน ที่กลุ่มชุมชนคนรักป่าหนองแม่นา-ทานตะวัน ได้จัดตั้งขึ้นเป็นโครงการเดินชมป่าศึกษาธรรมชาติ-นั่งเรือแจว โดยมีมัคคุเทศก์ชาวบ้านพานำเที่ยว มีด้วยกันอยู่ 2 โปรแกรม คือ โปรแกรมที่ 1 เดินป่า นั่งเรือล่องลำน้ำเข็ก ศึกษาธรรมชาติ พักค้างแรมในป่า 2 วัน 1 คืน และโปรแกรมที่ 2 เดินป่าล่องเรือ ศึกษาธรรมชาติสองฝั่งลำน้ำเข็ก แก่งบางระจัน ภายใน 1 วัน ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามไปได้ที่ กลุ่มชุมชนคนรักป่าหนองแม่นา-ทานตะวัน ประธานกลุ่ม คุณเกรียงไกร สมนรินทร์ 58 ม.6 ต.หนองแม่นา อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โทร. 0-1046-2166, 0-6214-6510
|