หนังสือพิมพ์ สยามรัฐ

“วิสูตร” ยันเสียงแข็ง “ปีนี้ปีดี จีทีเอช” เตรียมโปรเจกต์ใหม่รับปีหน้า - 25/12/2549

“วิสูตร” ยันเสียงแข็ง “ปีนี้ปีดี จีทีเอช” เตรียมโปรเจกต์ใหม่รับปีหน้า

ถึงแม้จะเป็นค่ายหนังที่ผลงานหนังถูกกระแสต่อต้านมากที่สุด ค่ายจีทีเอช หรือ จีเอ็มเอ็ม ไท หับ ของบิ๊กบอส “วิสูตร พูลวรลักษณ์” แต่ค่ายหนังอย่างจีทีเอชก็ยังคงเป็นค่ายหนังคุณภาพ และกวาดรายได้หนังอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2549 โดยปล่อยภาพยนตร์เข้าฉาย 6 เรื่อง ได้แก่ เด็กหอ, แก๊งชะนีกับอีแอบ, โกยเถอะโยม, Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย, หมากเตะ โลกตะลึง และหนังเรื่องสุดท้ายของปี เก๋า...เก๋า แต่รายได้รวมทั้ง 6 เรื่อง รวมกันก็ยังเป็นตัวเลขที่สวยงาม เป็นอย่างที่คาดหมายไว้ แม้จะมีหนังบางเรื่องไม่เข้าเป้าก็เป็นปกติของการลงทุน ซึ่งเรื่องนี้บิ๊กบอส “วิสูตร พูลวรลักษณ์” เผยว่า

“เกณฑ์รายได้หนังของเราในปีนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เข้าเป้าเกือบทั้งหมด ซึ่งเราส่งหนังเข้าโรงทั้งหมด 6 เรื่อง ซึ่งรายได้ที่ได้ก็ประมาณ 50 และ 70 ล้านบาท มีเพียงเรื่องเดียวคือ “หมากเตะฯ” ที่ได้เพียง 10 ล้านบาท ด้วยปัญหาที่เกิดขึ้น (ข้อพิพาทความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ระหว่าง ไทย-ลาว) ทำให้ตัวหนังต้องเลื่อนฉาย และมีการปรับปรุงใหม่ เมื่อเข้าโรงภาพยนตร์ รายได้หนังจึงได้ประมาณแค่ 10 ล้านบาท ส่วนหนังเรื่องสุดท้ายที่เข้าโรงในปีนี้ “เก๋า...เก๋า” ผมถือว่าเสมอตัว เพราะน่าจะจบอยู่ที่ 30 ล้านบาท หนังทั้งหมด 6 เรื่อง ได้เงิน 4 เรื่อง เสมอตัว 1 เรื่อง และขาดทุนเพียง 1 เรื่อง ซึ่งปีนี้ผมมองว่าเป็นปีที่ดีอีกปีของจีทีเอช”

“มุมมองหนังไทยโดยรวมในปีนี้ ก็เป็นปีที่ดี แต่ไม่เท่ากับปีที่แล้ว เพราะไม่มีหนังเรื่องไหนได้เงิน 100 ล้าน แต่ที่เกือบถึง 100 ล้าน ก็มีอยู่ 2 เรื่อง “ก้านกล้วย” ได้ 98ล้าน และ “โหน่ง-เท่ง นักเลงภูเขาทอง” ก็ได้เกือบถึง 100 ล้าน ส่วน “แสบสนิทฯ” ก็รายได้ดี ก็น่าจะได้เฉียดๆ ร้อยล้าน ก็เป็นการปิดท้ายที่ดีของหนังไทย”

ทีเด็ด จีทีเอช ปี 2007
“หนังเรื่องแรกที่จะเข้าคือ “ไฟนอล สกอร์- 365 ตามติดชีวิตเด็กเอนท์” หนังที่ใช้เวลาในการถ่ายทำเป็นแรมปี ตัวหนังผมมองว่าไม่ใช่แนวเรียลลิตี้ แม้จะมีการถ่ายทำเป็นเรียลลิตี้-สารคดี ซึ่ง 90% ของคนที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้รู้สึกชอบ มีเพียง 10% เท่านั้นที่ดูแล้วรู้สึกเฉยๆ ส่วนทีมงานของเราเองที่ได้ดู ต่างก็รู้สึกน้ำตาซึมไปกับเนื้อเรื่อง”

“เรื่องที่ 2 น่าจะเป็นหนังเรื่อง “แฝด” นำแสดงโดย “มาช่า วัฒนพานิช” หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ลงทุนสูง ประมาณ 50 ล้าน ซึ่งถือว่าเกินงบฯ ที่ตั้งไว้ ปกติเราจะใช้งบประมาณ 40 ล้านบาทต่อเรื่องเท่านั้น แต่ถึงวันนี้ก็ปาเข้าไป 50 ล้านแล้ว”

“เรื่องที่ 3 น่าจะเป็นเรื่อง “สายลับจับบ้านเล็ก” ของผู้กำกับฯ “เอส-คมกฤษ ตรีวิมล” นำแสดงโดย “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์” ซึ่งเป็นหนังคอเมดี สนุกๆ สไตล์ถนัดของเอส และค่ายเรา”

“ส่วนหนังเรื่องหลังๆ จากนี้ เราก็มีสร้างเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ โดยที่มีคิวเปิดกล้องอยู่ก็มี “ตั๊ด สู้ ฟุด ตุ๊ดสู้ฟัด” หนังของพี่รงค์ (จาตุรงค์ มกจ๊ก) “ศพจองเวร” ของผู้กำกับฯ ใหม่ ที่คิดสร้างหนังผี-แอ็กชัน นักแสดงที่เราเลือกไว้ก็มี “เข็ม ตีสิบ” และ “แป้ง-อรจิรา” ส่วนพระเอกตอนนี้เรากำลังแคสติงอยู่ ซึ่งพระเอกที่มองไว้จะเป็นพระเอกใหม่ นอกจากนี้ยังมีหนังของ “ใหม่-เจริญปุระ” ที่อยู่ในขั้นตอนพัฒนาบทโดย คุณเก้ง (จิระ มะลิกุล)โดยเนื้อเรื่องนำมาจากเรื่องฆาตกรรมก้นครัว ของ หม่อมคึกฤทธิ์ ตัวหนังเป็นแนวโรแมนติก ระทึกขวัญ นอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์แนว “เพื่อนสนิท” บวก “เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย” อีก 1 เรื่อง กำกับฯ โดย “ย้ง-ทรงยศ” ที่เคยทำ “แฟนฉัน” และ “เด็กหอ”

สรุปแล้วในปี 2007 จะมีภาพยนตร์จีทีเอชเข้าโรงทั้งหมด 8 เรื่อง 5 เรื่องเป็นภาพยนตร์ที่สร้างไว้แล้ว ส่วนอีก 3 เรื่อง จะเป็นภาพยนตร์ที่ทยอยๆ สร้างเรื่อยๆ

เข็ดหลาบ จำฝังใจ จีทีเอช
“ภาพยนตร์ในแนวทางของเรา ก็มีหลากหลายแนวครับ ไม่ใช่มีแค่โรแมนติก คอเมดีอย่างเดียว แต่แนวโรแมนติก-คอเมดี เป็นภาพยนตร์แนวถนัด ส่วนใครจะมองว่าเป็นค่ายหนังแนวนี้ก็แล้วแต่ (แต่หนังจีทีเอชก็มีหลายเรื่องที่มีปัญหา) เพราะอย่างนี้ต่อไปหนังของค่ายเราจะไม่พยายามทำหนังเกี่ยวกับ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” ซึ่งต้องจำใส่กบาลไว้เลย ถ้าจะทำหนังเกี่ยวกับชาติ ก็จะเลือกทำเรื่องราวประวัติศาสตร์จริงๆ คงไม่กล้าทำอะไรที่อาจจะเกี่ยวเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอีกแล้ว ซึ่งเราไม่อยากพาตัวเองเข้าไปพบกับปัญหา”

2007 ปีทองภาพยนตร์ไทย - ภาพยนตร์ฮอลลีวูด
“แนวโน้มหนังในปีหน้า ผมยังมองว่าเป็นปีที่ดีของวงการหนัง เพราะจะมีหนังอีกมากมายทยอยเข้าโรงภาพยนตร์ ผมคาดว่าน่าจะมากกว่าปีนี้ด้วย และรายได้ก็น่าจะได้มากกว่าในปีนี้ เพราะภาพยนตร์เรื่อง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯ” ก็จะเข้าโรงภาพยนตร์ทั้ง 2 ภาค ส่วนหนังต่างประเทศจากที่ดูโปรแกรมแล้ว หนังฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวูดก็ทยอยเข้าโรงภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ “สไปเดอร์แมน” ภาคใหม่ เป็นต้นไปครับ”