ปุริมพรรษา
ตามศัพท์อ่านว่า ปุ-ริ-มะ-พัน-สา แต่โดยทั่ว ๆ ไปนิยมอ่านว่า ปุ-ริม-มะ-พันสา คำนี้เป็นคำที่มิได้ใช้กันทั่ว ๆ ไปนัก แต่ก็พบในหนังสือที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาอยู่บ้าง บางทีทั้งครูและนักเรียนต่างก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า คำว่า ปุริมพรรษา ต่างกับคำว่า พรรษา อย่างไร อย่างเช่น พูดว่า เข้าพรรษา กับ เข้าปุริมพรรษา ต่างกันหรือไม่ ทั้งนี้เพราะในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ เก็บไว้เฉพาะคำว่า เข้าพรรษา โดยเก็บเป็นลูกคำของคำว่า เข้า ๑ และได้ให้ความหมายไว้ดังนี้ น. เรียกวันที่พระสงฆ์เริ่มเข้าจำพรรษา คือวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ว่า วันเข้าพรรษา. ก. เข้าอยู่ประจำที่ ๓ เดือนในฤดูฝน (ใช้แก่พระสงฆ์). แต่คำว่า เข้าปุริมพรรษา ท่านมิได้เก็บไว้ และคำว่า ปุริมพรรษา ท่านก็มิได้เก็บไว้เช่นกัน
ตามปรกติเมื่อพูดถึง วันเข้าพรรษา ก็หมายถึงวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ เสมอไป และก็เป็นที่ทราบกันโดยทั่ว ๆ ไป เพราะเป็นวันหยุดราชการ แต่เมื่อมีคำว่า ปุริมพรรษา ก็จะต้องมีคำที่คู่กันอีกคำหนึ่ง คือ ปัจฉิมพรรษา (ปัด-ฉิม-มะ-พัน-สา)
คำว่า ปุริม (ปุ-ริ-มะ) เป็นคำภาษาบาลีแปลว่า แรก, ครั้งแรก ตรงข้ามกับคำว่า ปัจฉิม (ปัด-ฉิ-มะ) ซึ่งแปลว่า ภายหลัง
คำว่า เข้าปุริมพรรษา หมายถึง การเข้าพรรษาแรก ซึ่งก็มีความหมายเหมือนคำว่า เข้าพรรษา เท่าที่ใช้กันทั่ว ๆ ไปนั่นเอง คือหมายถึงวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ และไปออกพรรษาเอาวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ หลังจากออกพรรษาแล้ว พระที่อยู่จำพรรษาครบ ๓ เดือน ก็มีสิทธิที่จะรับกฐินซึ่งมีช่วงเวลาเพียง ๑ เดือน นับตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒
ส่วนคำว่า ปัจฉิมพรรษา นั้นแปลว่า พรรษาหลัง หมายถึงว่าในกรณีที่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ต้องเดินทางไกลหรือมีเหตุสุดวิสัยอื่น ๆ ทำให้กลับมาเข้า พรรษาแรก ในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ไม่ทัน ก็ต้องรอไปเข้า พรรษาหลัง คือวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๙ ได้ เรียกว่า เข้า ปัจฉิมพรรษา และจะไปออกพรรษาในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ซึ่งเป็นวันหมดเขตทอดกฐินพอดี เพราะฉะนั้นพระภิกษุที่เข้า ปัจฉิมพรรษา จึงไม่มีโอกาสได้รับกฐิน จึงมิได้รับอานิสงส์กฐินตามพระวินัย แต่ก็ได้ พรรษา เช่นเดียวกับพระที่เข้า ปุริมพรรษา เหมือนกัน อย่างนี้ พรรษาไม่ขาด
นี่คือความต่างกันระหว่าง ปุริมพรรษา กับ ปัจฉิมพรรษา.
ผู้เขียน : ศ.จำนงค์ ทองประเสริฐ ราชบัณฑิต สำนักศิลปกรรม ที่มา : ภาษาไทยไขขาน. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แพร่พิทยา. ๒๕๒๘. หน้า ๕๑-๕๒. |