สภาหน้าโดม เสวนา"เพราะธรรมศาสตร์ สอนให้ฉันรักประชาชน?" คนแห่ฟังคึกคัก

วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16:42:00 น.




วันที่ 30 สิงหาคม 2557 กลุ่มสภาหน้าโดม ซึ่งเป็นกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่รวมตัวกันในปี 2556  จัดเสวนาวิชาการหัวข้อ "เพราะธรรมศาสตร์ สอนให้ฉันรักประชาชน?" ห้องประกอบ หุตะสิงห์ ตึกอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วิทยากรประกอบด้วยนายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหา นายศุภวิทย์ ถาวรบุตร ประวัติศาสตร์ ศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  นายวิโรจน์ อาลี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ดำเนินรายการโดย เจนวิทย์ เชื้อสาวะถี ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 

นายเจนวิทย์ กล่าวว่า วันนี้ จะไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์การเมืองระดับชาติแต่จะพูดเรื่องมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจะไม่มีการตอดเล็กตอดน้อย แต่จะจัดหนักจัดใหญ่ ส่วนวิทยากรแต่ละท่านจะพูดอะไรก็ขอให้รับผิดชอบตัวเองต่อสิ่งที่พูดภายใต้กฎและประกาศ ซึ่งเมื่อนายเจนวิทย์กล่าวเช่นนี้ ก็ได้สร้างเสียงหัวเราะให้แก่ผู้รับฟัง  

นายสุธาชัย กล่าวว่า นี่เป็นงานแรกที่ตนเองออกงาน นับแต่รัฐประหาร ก่อนหน้านี้ ได้รับเชิญปรับทัศนคติ ฉะนั้น ตอนนี้ ถือว่ามีทัศนที่เป็นบวกแล้ว (ผู้ฟังหัวเราะ) ส่วนตัวมองว่า เรื่องในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เกิดจากอธิการและประธานสภามหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับเชิญเข้าเป็น สนช. แต่ก็มีการท้วงติงจากนักศึกษาว่า ไม่ควรจะไปสนับสนุนคณะรัฐประหาร เพราะเป็นสิ่งขัดเจตนารมณ์มหาวิทยาลัย มีการเรียกร้องให้ลาออก 

นายสุธาชัย กล่าวด้วยว่า บังเอิญอธิการบดีชื่อเล่น “ตู่” สมัยนี้เป็นสมัย “ตู่” เต็มบ้านเต็มเมือง ท่านอธิการบดีตู่ ก็ตัดพ้อ ทีนิด้า มีคนไปร่วมเป็น สนช.  3 คน ไม่เห็นใครไปประท้วง แต่ถ้าดูจากประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีกระแสที่ต่อสู้มาตั้งแต่ 2490 คณะรัฐประหารสมัยนั้น มองธรรมศาสตร์ด้วยความหวาดระแวง เพราะเป็นมหาวิทยาลัยที่ ตั้งโดยนายปรีดี พนมยงค์ จึงมีมาตรการหลายอย่างจัดการกับธรรมศาสตร์ เช่น การรื้อฟื้นรัฐศาสตร์จุฬาฯ เพื่อให้ไม่ใช่เฉพาะมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เท่านั้น ที่มีคณะรัฐศาสตร์ และเคยมีแนวคิดจะตั้งชื่อเป็นมหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ 

ต่อมาปี 2495 เกิดการประนีประนอมกัน ไม่ยุบธรรมศาสตร์ แต่เปลี่ยนชื่อเป็น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยกเลิกตำแหน่งผู้ประศาสน์การ เป็นตำแหน่งอธิการบดี และ จอมพล ป พิบูลสงคราม เป็นอธิการบดี ผู้บริหารขณะนั้น คือจอมพล ป และคณะ ซึ่ง ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เพราะจอมพล ป เป็นคนสร้างหอประชุมใหญ่ ไม่ต่อต้านการทำกิจกรรมนักศึกษา ธรรมศาสตร์ มีอธิการเป็นนายกฯ ทำให้การของบประมาณก็ง่าย นักศึกษาร้องเรียนอะไรกับอธิการ ก็เป็นคนเดียวกับนายกฯ สรุป จอมพล ป ไม่ได้แย่อย่างที่คิด 

สำหรับอำนาจทางการเมือง ที่คุมธรรมศาสตร์ จะพบในยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นต้นมา โดยการส่งนักกฎหมาย อย่างหลวงจำรูญ เป็นอธิการ แต่เมื่อจอมพลสฤษดิ์ เป็นนายกฯ ได้ตั้งรองนายก ชื่อ พล.อ.ถนอม มาเป็นอธิการบดี พล.อ.ประภาส จารุเสถียร เป็นอธิการบดี จุฬาฯ จะเห็นได้ชัดว่าการคุมมีมากขึ้น ต่อมาถนอมเป็นนายกฯ ก็ส่ง กรมนราธิปฯ มาควบคุม 

นายศุภวิทย์ กล่าวว่า คำขวัญแต่ละอย่างเปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่ธรรมศาสตร์ทำไมอยู่กับอะไรที่ไม่เปลี่ยน ถ้าต้องมองเชิงประวัติศาสตร์ มธ. ก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ไม่ได้ตั้งอยู่ในอากาศธาตุ ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงหลัง 2490 ก็ผลิตกำลังแรงงานป้อนระบบเข้าไปทำงาน 

สังคมไทยเป็นสังคม “คอนเนคชั่น” ต้องมีรุ่น ลักษณะแบบนี้ผูกติดกับคนที่ผ่านระบบมหาวิทยาลัยของไทย ไม่ได้เป็นเฉพาะธรรมศาสตร์ แต่สถาบันอื่นๆ ก็เป็น โดยอยู่ในวิธีคิดว่าการผ่านสถาบันหนึ่ง คือ การมีคอนเน็คชั่น แม้ตัวเองไปไม่ถึงผู้บริหาร แต่หากมีเพื่อนร่วมรุ่น ถึงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง ก็มีการนับความสัมพันธ์กัน 

การผลิตบัณฑิต ด้านหนึ่งคือ ป้อนคนเข้าสู่ระบบ เสริมการเติบโตของทุนนิยม เป็นเรื่องที่ทำให้เกิดอะไรบางอย่างที่อยากยึดเหนี่ยว มีโอกาสไต่เต้าสู่ความสำเร็จในราชการและเอกชน “ศรีบูรพา” ใช้คำว่า สอนให้ฉันรักคนอื่น แต่ หลัง 14 ตุลาฯ ขบวนการนักศึกษาใช้คำว่า “รักประชาชน” แสดงว่า มองตัวเองว่ามีโอกาสมากกว่าประชาชนสามารถ หากก้าวไปสู่ชนชั้นนำได้ จึงมองกลับไปที่ประชาชน ธรรมศาสตร์บอกตัวเองว่ารักประชาชนมากกว่าที่อื่น แต่สิ่งที่ธรรมศาสตร์เหมือนที่อื่นคือ ธรรมศาสตร์ เป็นส่วนหนึ่งในการผลิตคนและอยู่กับความภาคภูมิใจ เช่น การนับรุ่นความสัมพันธ์อยู่ในกระทรวงมหาดไทย
 
นอกจากนั้น ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ก็มีคำขวัญ “รับใช้ประชา คือปลายทางของเราที่เล่าเรียน ที่ตึก sc อาคารเรียนรวมสังคมศาสตร์ แสดงว่าในองค์กร ยังสัมผัสได้ถึงคุณค่าที่จะนำมาใช้ เป็นการบอกว่า แม้เราไปกับกระแสการพัฒนา แต่ก็มีคุณค่าเหล่านี้ เพราะ เมื่อท่องออกมาก็รู้สึกถึงความแตกต่างจากที่อื่น มีการยึดโยงคุณค่าสิ่งเหล่านี้  ธรรมศาสตร์ คือระบบที่ป้อนคนสู่เศรษฐกิจและชนชั้นนำไทย ทำไมเราต้องอยู่กับคำว่ารักประชาชน ก็เพราะคนไม่ได้มีโอกาสอย่างเท่ากัน   

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ความเป็นธรรมศาสตร์ สลับซับซ้อนย้อนแย้ง ตนเองก็เป็นผลผลิตของธรรมศาสตร์ ตอนอยากเข้าเรียน มธ. เพราะ เคยอ่านบทความอาจารย์เสกสรรค์ ประเสริฐกุล เขียนถึงเด็กคนหนึ่งเจอกันที่ลานโพธิ์แต่พ่อของเด็กไปสงครามเวียดนาม เหตุผลที่ 2 ก็เป็นเหมือนสลิ่มทั่วไป คือ อยากรับราชการกระทรวงการต่างประเทศ มาเรียนธรรมศาสตร์ ก็คาดหวังเป็นจะเป็นอีลีทหรือชนชั้นนำ แต่เรียนไปเรียนมา ก็ย้าย ไปเรียน ด้านการปกครอง ไปเรียน อาจารย์เกษียร เตชะพีระ อาจารย์นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ อาจารย์เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ความคาดหวังอยากเป็นนักการทูต ก็หายไป อยากสอนหนังสือมากกว่า สรุปไม่ได้เป็นอีลีท และยิ่งเมื่อเลือกทางเดินนี้ก็ยิ่งไม่ได้เป็นอีกลีท
 
สำหรับเหตุที่รักธรรมศาสตร์มี3เหตุผลคือ1) เพราะเจอเมียที่อยู่กันถึงทุกวันนี้ 2) มีเพื่อนที่คิดใกล้เคียงกัน 3) ได้กลับมาสอนหนังสือ ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ที่ทั้งรักและบางครั้งก็ไม่แฮปปี้ 

สำหรับวลีฉันรักธรรมศาสตร์เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชนนี้อยากให้มองในฐานะวาทกรรมแบบหนึ่งที่ถูกช่วงชิงทุกฝ่ายนำมาใช้เพื่อผลประโยชน์ตัวเองแสดงอุดมคติเพื่อเป้าหมายองค์กรนั้นๆเชิดชูในแง่จิตวิญญาณธรรมศาสตร์ ซึ่งอาจจะไม่ใช่ เพราะมีความหลากหลาย 

วลีนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือของ ยุค 14 ตุลา การช่วงชิงความหมายจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ ณ วันนี้ เราเริ่มจะพ่ายแพ้ เพราะ ผู้บริหารธรรมศาสตร์ เป็นเน็ตเวิร์คที่แปลกปลอมเข้ามา แล้วให้นักศึกษา สร้างกรอบใหม่แบบหน่อมแน้ม เช่น ไปทำนา ก็คิดว่า เข้าใจโลกนี้แล้ว หรือพยายามจะอธิบายว่า วิชา TU100 เป็นสุดยอดของการสร้างพลเมืองที่มีประสิทธิภาพ มีข้อสรุป คนดีต้องจบลงที่ตัวเอง 

ขณะที่รัฐศาสตร์ควรตอบอะไรที่เป็นภาพรวมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไม่ใช่สถาปนาตัวเองเป็นคนดีซึ่งตนเองก็ถูกบังคับให้สอนตัวนี้ แต่ไม่ได้สอนตามตำรา สอนตามใจตัวเอง 

ในช่วงท้าย นายเจนวิทย์ ขอให้วิทยากร ลองเปลี่ยนคำขวัญมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นสีสันดังนี้ 
ถ้าแต่งคำขวัญใหม่ 

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ฉันรักธรรมศาสตร์ เพราะ ธรรมศาสตร์ สอนให้ฉันเจอเมีย (สร้างเสียงหัวเราะ ในห้องเสวนาอย่างมาก) 

นายสุธาชัย กล่าวว่า ตนเองไม่ได้คิดมาก่อน แต่ส่วนตัวก็พบกับภรรยาครั้งแรกที่คณะอักษรศาตร์ จุฬาฯ ทั้งนี้ได้เล่าถึงคำขวัญแรกที่ผมติดใจมากในวัยเด็กคือ “จงทำดี จงทำดี จงทำดี ต่อมามีต่อ จงทำดี มีศีลธรรม ถือความสัตย์ จงขจัดอีกทั้งโลภและโกรธหลง”

นายศุภวิทย์ กล่าวว่า ไม่ต้องรักกัน แต่เห็นหัวกันก็พอ 









สาวใจเด็ด! นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวบุกการประปาฯ โวยปิดจ่ายน้ำไม่แจ้งล่วงหน้า (ชมคลิป)
ด่วน! สภาฯมหิดล มีมติให้"รัชตะ"เลือกนั่งตำแหน่งเดียว ขีดเส้นภายใน8ตุลานี้
จับยาบ้า1.7ล้านเม็ดทะลักชายแดนริมน้ำเหือง
กรุแตก!วัดดังสุพรรณบุรี พบพระ′ขุนแผนไข่ผ่าซีก-หลวงพ่อคง′ในช่อฟ้ากว่าพันองค์
ปวดใจติ่ง! ′เกาหลีใต้′ มีสิทธิสูญพันธุ์!
อุทาหรณ์! สาวทำปืนลั่น ใส่หัวแฟนตำรวจจบใหม่ อาการสาหัส
ฮือฮา ครั้งแรกของโลก ผ่าตัดเนื้องอกในสมอง ช่วยชีวิต "ปลาทอง" อยู่ได้อีก 20 ปี
แฉกันมันหยด "กานต์" ด่ากราด "เสก โลโซ" ไม่ทิ้งนิสัยเดิม หิ้วผู้หญิงมานอนในบ้าน
สุดเศร้า! สิ้น "พ่อใหญ่ยงค์ หลงทีป" ดาวตลกชื่อดังเสียงอีสาน มะเร็งลำไส้คร่าชีวิต
อุทาหรณ์"หนุ่มเจ้าชู้"ผงะยืนตัวแข็ง ลงเครื่องบิน เจอ"เซอร์ไพรส์"แฟน 3 คน มาช่วยกัน"รอรับ"(ชมภาพ)
เจาะใจ "เจ๊อ๋อย" แอดมิน "กองทัพปชช. ล้มล้างระบอบทักษิณ" ใครไม่เช็คก่อนแชร์ระวังเงิบ!
ป้ายปริศนา เหน็บ "สมคิด" โผล่กลางธรรมศาสตร์ แดนเสรีภาพทุกตารางนิ้ว เพียบ!
ทักษิณ - นปช.เคลื่อนทัพ ลองของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ !!?
สมจิตต์ ช่อง 7 โต้ดุเดือด โฆษกอัยการสูงสุด ทำไมไม่ฟ้องยิ่งลักษณ์ จำนำข้าว(ชมคลิป)
ชมคลิปเด็ด เรียกเสียงฮา เมื่อ "นายกฯประยุทธ์" ถามคนขอราคายาง 90-100 บ. "ไปขายโน่นไหม...บนดาวอังคาร"