วันที่ อังคาร มีนาคม 2551

พิมพ์หน้านี้  |  ดูบล๊อกอื่นๆ ที่ OKnation

 

ดอยหลวงพะเยาขุนเขาผู้ไม่ท้อ


         

          ส่งมือมาสิ...Žเสียงของพี่สุริย์ตะโกนบอกพร้อมกับยื่นมือส่งมาให้ฉัน ซึ่งกำลังยืนหน้าซีดใจสั่นตัดสินใจอยู่ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลังดีขณะที่ฉันยืนลังเลอยู่บนโตรกหินด้านล่าง อันเนื่องมาจากความสูงและความหวาดเสียวทำให้ฉันแทบจะไร้เรี่ยวแรงหากมองลงไปข้างล่างในขณะนี้... 
          ยอดดอยหนอก เป็นจุดที่สูงที่สุดของอุทยานแห่งชาติดอยหลวงพะเยาที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,694 เมตร และสภาพดินเป็นดินลูกรังผสมหินโดยเฉพาะบนยอดเขา ส่วนบริเวณหุบเขานั้นจะมีดินสีดำอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และหินลักษณะเป็นหินกรวดหรือหินปูนทรายเป็นป่าต้นน้ำของแม่น้ำวังและกว๊านพะเยา...
          เสียงของพี่สุริย์ย้ำเตือนอีกครั้งพร้อมเสียงของเจ้าใหม่น้องสาวผู้ร่วมทางของฉันและน้องผู้ชายอีกคนช่วยกันส่งเสียงเชียร์คอยลุ้นให้ฉันส่งมือให้พี่สุริย์เพื่อที่จะได้ช่วยดึงตัวฉันขึ้นไปบนหินก้อนใหญ่ที่อยู่สูงถัดขึ้นไปอีกก้อนเพราะกลัวฉันเปลี่ยนใจไม่ขึ้นไป เสียงกระตุ้นเตือนทำให้ฉันตื่นจากภวังค์และตัดสินใจรวบรวมเรี่ยวแรงและความกล้าที่จะไปต่อทั้งที่ยังหวั่นใจอยู่ไม่น้อยยิ่งสูงก็ยิ่งหนาวแถมลมก็ยังแรงอากาศในเดือนธันวาคมของภาคเหนืออย่างจังหวัดเชียงราย ลำปาง พะเยา ที่เป็นพื้นที่ครอบคลุมของอุทยานแห่งชาติดอยหลวงพะเยาแห่งนี้ช่างหนาวเย็นจับขั้วหัวใจเสียจริงๆ กอปรกับตอนนี้ก็ใกล้ช่วงเวลาสี่โมงเย็นเกือบจะห้าโมงเย็นเข้าไปแล้วถึงจะมีแดดแรงแต่ลมก็แรงไม้แพ้กัน ความสูงของดอยหนอกที่เกือบจะเป็นหินล้วนๆ แทบไม่มีหญ้าหรือต้นไม้ให้เกาะช่างน่าหวาดเสียวยิ่งนัก หากฉันตกลงไปจะทำยังไงล่ะเนี่ย!!


           ก่อนจะถึงยอดสูงสุดจะมีแผ่นหินขนาดใหญ่ที่แผ่กว้างออกไปประมาณสองเมตรและลาดชันขึ้นไปสามสิบถึงสี่สิบห้าองศา ตรงนี้แหละที่ไม่มีอะให้ฉันยึดไว้เป็นที่พึ่งเลยแม้แต่หญ้าต้นเล็กๆ แต่ฉันก็กัดฟันสามารถผ่านมันมาได้โดยปลอดภัย และก็ขึ้นมาจนถึงยอดที่สูงที่สุดจนได้ ฉันนั่งหอบหายใจถี่ด้วยความเหนื่อยและตื่นเต้นสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ อย่างโล่งอกเต็มที่เมื่อผ่านวิกฤตชีวิตอันลุ้นระทึกมาได้ ฉันมองสำรวจไปโดยรอบมองเห็นกว๊านพะเยาอยู่ลิบๆ ด้านล่าง ช่างประหลาดใจตัวเองเหลือเกินที่ฉันสามารถเอาชนะความกลัวมาได้ แต่ทีประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็คือสายตาของฉันพลันไปสะดุดเอาตรงที่มีพระพุทธรูปและสิ่งปลูกสร้างขึ้นมาอยู่บนนี้ได้อย่างไร องค์ก็ไม่ใช่เล็กๆ เขาเอาขึ้นมาได้ยังไงเนี่ย!!!.. ความงุนงงเกิดขึ้นพร้อมกับความทึ่งที่ตามมาทีหลัง กว่าที่ฉันและเพื่อนๆ จะขึ้นมาถึงที่นี่ได้แทบแย่ด้วยมือเปล่า แม้บางคนจะมีกล้องหรือขาตั้งกล้องติดมาบ้างก็ไม่ได้หนักหนาอะไรนัก แต่นี่ทั้งพระพระพุทธรูปองค์ใหญ่ๆ ทั้งก้อนอิฐ หิน ดินทราย ไม้ ปูน ฯลฯ แล้วเขาเอาขึ้นมาได้ยังไงกันเล่า แล้วขึ้นมากันคนละกี่รอบ เป็นคำถามที่อยู่ในใจฉันและเพื่อนๆ พวกเราต่างคาดเดากันต่างๆ นานา...และหาข้อสรุปไม่ได้


           ย้อนกลับไปก่อนที่ฉันและเพื่อนร่วมสิบกว่าชีวิต จะเดินทางมาถึงที่นี่เราต้องบุกป่าฝ่าดงและฝ่าเปลวแดดที่ร้อนระอุ  บางแห่งก็เป็นที่โล่งแจ้งต้องเดินต้านแรงโน้มถ่วงของโลกขึ้นไปตามสันเขาบางช่วงไม่มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมมีเพียงหญ้าคาที่คมพร้อมจะบาดเนื้อตัวฉันและเพื่อนๆ ที่เดินผ่านถ้าเราแต่กายไม่รัดกุมพอ กลางคืนถึงจะหนาวแต่กลางวันก็ร้อนจนตับแลบถึงจะมีลมพัดมาบ้างก็เถอะแต่ก็ยังร้อนอยู่ดี พอมาถึงทางชันและแคบฉันและเพื่อนต้องไต่ขึ้นไปอย่างน่าหวาดเสียว ฉันทั้งเหนื่อยและท้อมากจนบางครั้งไม่อยากที่จะเดินต่อแต่ก็ทำไม่ได้เพียงแต่เก็บไว้ในใจเท่านั้นและต้องกัดฟันเดินต่อเพราะไม่อยากรั้งท้ายเป็นภาระของเพื่อน เราต้องเดินกันมาหลายกิโลเดินกันเป็นวันๆ จนมาถึงดอยหนอก ต้องผ่านความยากลำบากและอุปสรรคมากมาย แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับแรงศรัทธาและความพยายามที่พวกเขามีเลย พระพุทธรูปและสิ่งปลูกสร้างทางพระพุทธศาสนาที่ฉันเห็นคือหลักฐานที่ปรากฏ...


           การเดินทางมาดอยหลวงพะเยาครั้งนี้ที่ทำให้ฉันได้เห็นมากกว่าความงามบนนี้ ยังมีคนที่ต้องลำบากกว่าฉันอีกมากที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคและความยากลำบากของชีวิต ความพยายามและไม่ย่อท้อต่อสิ่งที่ทำอยู่ สักวันความสำเร็จก็จะเป็นรางวัลอันงดงามที่เราได้รับŽ เหมือนที่ฉันได้ขึ้นมาเห็นความงามบนนี้ ดอยหลวงพะเยาจะคอยเตือนใจฉันเสมอหากวันใดเกิดความท้อแท้ขึ้นมา...ขอบคุณดอยหลวงพะเยาขุนเขาผู้ไม่ท้อ...

ดอยหลวงพะเยาขุนเขาผู้ไม่ท้อ

ลงเสาร์สวัสดี ปีที่ 10 ฉบับที่ 462 วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2551

คอลัมน์ ปล. ขอให้มีความสุข / กรุงเทพธุรกิจ

โดย INDYLOVE

 

กลับไปที่ www.oknation.net