แฉ “นิติภูมิ” พยาน “แม้ว” เบอร์ 2 คดีปฏิญญาฟินแลนด์ - ติง “บิ๊กแอ้ด” ขโมยซีน “เอกสารลับ” ตีตัวออกห่าง คมช.

โดย MGR Online   
25 ตุลาคม 2550 06:54 น.
แฉ “นิติภูมิ” พยาน “แม้ว” เบอร์ 2 คดีปฏิญญาฟินแลนด์ - ติง “บิ๊กแอ้ด” ขโมยซีน “เอกสารลับ” ตีตัวออกห่าง คมช.
รายการ"ยามเฝ้าแผ่นดิน"ดำเนินรายโดย"ปานเทพ พังพงษ์พันธ์"นักวิชาการอิสระ และ"สโรชา พรอุดมศักดิ์"
        “ยามเฝ้าแผ่นดิน” เปิดโปง “นิติภูมิ” เป็นพยานโจทก์ปากสำคัญอันดับ 2 ให้ “ทักษิณ” ฟ้อง “ปราโมทย์ นาครทรรพ” และ “ผู้จัดการ” คดีปฏิญญาฟินแลนด์ ทั้งที่เคยประกาศบนเวทีพันธมิตรฯ จะลากไส้อดีตนายกฯ เพิ่มน้ำหนักข่าวลือบินไปขอโทษ “แม้ว” ถึงลอนดอนส่อเป็นจริงมากขึ้น ติงนายกฯ ชิงยอมรับเอกสารลับเป็นของจริง ตีตัวออกห่าง คมช.
       
        คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และสโรชา พรอุดมศักดิ์ ช่วงที่ 1
       
        คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และสโรชา พรอุดมศักดิ์ ช่วงที่ 2
       
       สโรชา - สวัสดีค่ะคุณผู้ชม ขอต้อนรับเข้าสู่รายการยามเฝ้าแผ่นดินค่ะ วันพุธที่ 23 ตุลาคม 2550 วันนี้เรามีกัน
       อยู่เพียง 2 คน นะคะ พี่คำนูณไม่สบาย
       
       ปานเทพ - ไม่สบายหนักเลยนะครับเข้าโรงพยาบาล เพราะว่าเป็นไข้หวัดใหญ่เฉียบพลัน ที่จริงเมื่อคืนนี้ก็จัดรายการอยู่ก็บอกว่า หลังจากที่พาครอบครัวและลูกๆ ไปลงนามถวายพระพร คล้ายเช้ามืดมีฝนพรำนิดๆ และ อาการไม่ค่อยดี พอจัดรายการก็รู้สึกไม่ค่อยดี เป็นไข้นะ ครับ ก็ปรากฏตอนเช้าก็โทรบอกผมว่า รู้สึกจะไม่ค่อย สบายหนัก กำลังจะไปหาหมอ ก็ไม่สามารถจะเข้ามาที่ บ้านพระอาทิตย์ได้ สักพักนึงตอนประมาณเที่ยง ตอนสายๆ ภรรยาคุณคำนูณก็โทรหาผมอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ต้องภรรยาโทรมาเองเลยนะครับไม่ไหวแล้ว ไม่สามารถ มาจัดได้ก็ต้องอยู่ที่โรงพยาบาลนะครับ
       
       สโรชา - คือตอนนี้อากาศเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเชื้อ ไข้หวัดแรงนะคะคุณผู้ชมระวังสุขภาพกันด้วย เพราะว่าเป็นแล้วหายยากใช้ระยะเวลาหลายวัน ถ้าเกิดพี่คำนูณฟัง อยู่ก็ขอให้หายเร็วๆ นะคะ จะได้รีบกลับมาจัดรายการ กลับพวกเรานะคะ เมื่อวานนี้ฮือฮากันพอสมควรสำหรับยามเฝ้าแผ่นดินทั้ง 3 ท่าน คุยถึงคุณนิติภูมิ นวรัตน์ ซึ่ง แอ้มฟังแล้วอดจะยิ้มตามไม่ได้
       
       ปานเทพ - ทำไมครับ ภาคภูมิใจหรือครับ
       
       สโรชา - ไม่ใช่ๆ ก็รู้สึกนึกย้อนกลับไปถึงช่วงที่เราอยู่ เวทีพันธมิตรกันก็จำภาพได้ลางๆ ว่าคุณนิติภูมิก็มาให้ เห็นอยู่แล้วก็พฤติกรรมหรือว่าทีท่าอาการก็ไม่ได้ดูเหมือน ว่าจะลังเล หรืว่าจะคิดหนักอะไรมากมาย ก็มาร่วม และก็ขึ้นเวทีกันไป ยอมรับว่าตอนแรกที่ได้ยินข่าวว่าลูกชายไปสมัครเป็นว่าที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชาชน ค่อนข้าง ตกใจ ก็หลายคนมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ เมื่อวานนี้ฟังรายการของทั้ง 3 ท่าน ก็ได้ข้อมูลไปเยอะ แต่ วันนี้เดาว่า อ.ปานเทพ ต้องมีเอกสารมาให้ดูแน่ๆเลยเพราะว่าเห็ฯว่าไปเป็นโจทก์ของฝ่ายคุณทักษิณ ชินวัตร ที่ฟ้องผู้จัดการ ฟ้องคุณสนธิ และก็อีกหลายท่านยเกี่ยว กับปฏิญญาฟินแลนด์ด้วย
       
       ปานเทพ - คุณแอ้มจะตั้งกระทู้ถามท่านผู้ชมมั้ย
       
       สโรชา - SMS มั้ยค่ะ คุณผู้ชมชวนคุยนิดนึงค่ะ ถ้าหากว่าลูกชายของคุณนิติภูมิ นวรัตน์ ที่ชื่อว่า เนติภูมิ นวรัตน์ ไปลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตคุณผู้ชม คุณผู้ชมจะ เลือกหรือไม่ เพราะอะไร มาคุยกับเรา
       
       ปานเทพ - และเพิ่มอีกนิดนึงน่ะครับ นอกจากจะเลือกหรือไม่เพราะอะไรแล้ว ท่านผู้ชมจะต้อนรับด้วยวิธีการ อย่างไร ในพื้นที่ของท่าน
       
       สโรชา - อย่าลืมนะค่ะว่าการสมัคร รับเลือกตั้งใน ครั้งนี้ เนื่องจากว่า มีข้อกฎบังคับเยอะแยะมากมายเหลือ เกิน เกี่ยวกับการหาเสียง คือหมายความว่า ออกสื่อค่อนข้างจำกัด เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผู้สมัครจะต้องทำในครั้งนี้โดยเฉพาะก็คือ จะต้องเดินหาเสียง คุณผู้ชมจะต้อนรับ เขายังไง ถ้าหากว่าเขามาหาเสียงในเขตของคุณผู้ชม
       
       ปานเทพ - แล้วก็คุณผู้ชมบางที การต้อนรับคุณเนติภูมิ ในพื้นที่ของท่านไม่ว่าจะเป็นเขตไหนก็ตาม ท่านผู้ชมว่า ถ้าอยากฝากข้อความถึงคุณเนติภูมิ ในฐานะลูกคุณนิติภูท่านผู้ชมอยากฝากข้อความอะไรถึงคุณเนติภูมิ คือคุณนิติ ภูมินี้เยอะแล้วเมื่อวานนี้ คราวนี้ถึงลูกบ้างว่าลูกๆ ท่านผู้ชมคิดยังไงอยากฝากข้อความอะไรให้คิดบ้าง จะอวยพรก็ ได้
       
       สโรชา - ขอให้ประสบความสำเร็จ ก็ย่อมได้น่ะค่ะ แต่ว่าเอกสารสำคัญนี้ ที่เมื่อวานนี้บอกว่าเป็นวันหยุดราชการ และก็ยังไม่สามารถที่จะนำมาให้คุณผู้ชมได้รับ ชมกันได้ เอกสารของรายละเอียด รายนามของพยานฝ่ายโจทก์ของคดีนี้ จะนำมาวันนี้เอารึเปล่าค่ะ
       
       ปานเทพ - เมื่อวานนี้คุณคำนูณบอกไว้น่ะครับ คุณคำนูณ สิทธิสมานไม่สบาย ผมขออนุญาตรับหน้าที่เป็น ผู้นำเสนอเอกสารชิ้นนี้ล่ะกันน่ะครับ นี้ครับท่านผู้ชมครับเป็นเอกสารคดีดำหมายเลขที่ อ1747 ข้างบนน่ะครับ 2549 จำตัวเลขไว้น่ะครับอย่าไปแทงหวยน่ะครับ 1747/2549 ที่ ศาลอาญาวันที่ 30 เดือนพฤษภาคม 2549 ความอาญาระหว่างโจทก์น่ะครับ พรรคไทยรักไทยโดยนายนพดล มี วรรณะ ผู้รับมอบอำนาจที่ 1 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดย นายนพดล มีวรรณะ ผู้รับมอบอำนาจที่สองเป็นโจทก์ก็คือมี 2 คนนั่นแหละ พรรคไทยรักไทยกับคุณทักษิณเป็นโจทก์ฟ้อง ฟ้องใครบ้างครับ หนึ่ง อ.ปราโมทย์ นาครทรรพ เป็นจำเลยที่หนึ่ง บริษัทเมเนเจอร์มีเดียกรุ๊ป จำกัดมหาชน เป็นจำเลยที่สอง สามนางสาวเสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ ที่สามใครครับ
       
       สโรชา - เป็นผู้บริหารแผนเมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป
       
       ปานเทพ - ที่จริงไม่เคยเขียน โดนไปด้วยนะครับ นายขุนทอง ลอเสรีวานิช ขออภัยครับ ใครครับคนนี้คุณแอ้ม
       
       สโรชา - พี่ขุนทอง เป็นบรรณาธิการของผู้จัดการราย วัน
       
       ปานเทพ - นายปัญจภัทร อังคสุวรรณ ที่ห้า ใครรู้ไหมครับ คุณดีน
       
       สโรชา - ก็แฟนๆ ของวิทยุจะรู้จักดี ส่วนแฟนๆ ของ ASTV NEWS 1 ก็จะเริ่มรู้จักคุณดีน
       
       ปานเทพ - เริ่มรู้จักในรายการที่ชื่อก่อนจะถึงวันจันทร์
       
       สโรชา - ใช่ค่ะ แล้วก็จัดกลางคืนบางวันด้วย
       
       ปานเทพ - 5 คน โดนฟ้องโดยพรรคไทยรักไทย และ คุณทักษิณ ข้อหาฐานความผิดหมิ่นประมาทด้วยการ โฆษณา ดูหมิ่นด้วยการโฆษณา ก็เขียนนะครับข้าพเจ้าพรรคไทยรักไทยนายนพดล มีวรรณะ ผู้รับมอบอำนาจที่หนึ่ง คุณทักษิณ โดยนายนพดล มีวรรณะ ผู้รับมอบ อำนาจที่สองเป็นโจทก์ขอยื่นฟ้องนายปราโมทย์ นาครทรรพ ที่หนึ่ง กับพวกรวม 5 คน ปรากฎตามรายละเอียดชื่อว่าที่ 1 ถึงจำเลยที่ 5 และก็อธิบายความในเรื่องของปฎิญญาฟินแลนด์ที่เป็นบทความของ อ. ปราโมทย์ นาครทรรพ เขียนในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน แล้วก็ไป เผยแพร่ในเว็บไซต์และก็ในหนังสือพิมพ์ นี่ก็เป็นเนื้อหาสาระนะครับ ก็ปรากฎว่าหมายเลขคดี 1747 ที่เราจำเมื่อ สักครู่นี้นะครับ เขาก็เลยพูดถึงพยาน
       
       สโรชา - ที่จะสืบพยานในคดีนี้
       
       ปานเทพ - ใช่ครับๆ คดีหมายเลขดำเดียวกันที่ อ1747/2549 ศาลอาญา เป็นวันที่ 8 ตุลาคม 2550
       
       สโรชา - เมื่อสักครู่นี้ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2549
       
       ปานเทพ - ที่คุณแอ้มถืออยู่นะครับ ก็แปลว่า ช่วงระยะ เวลาในการหาพยานเนี่ย ตั้งแต่พฤษภาคม 2549 จนถึงตุลาคมปีนี้ ถ้าจะพูดแล้ว เกือบปีครึ่ง และพรรคไทยรักไทยถูกยุบไปแล้วด้วย ยุบไปแล้วไม่พอ หาพยานไม่ได้ จนกระทั่งวันที่ 8 ตุลาคม หาพยานได้ ไม่กี่สัปดาห์เองคุณแอ้ม
       
       สโรชา - เมื่อ 2 -3 สัปดาห์ที่แล้ว
       
       ปานเทพ - เมื่อไม่นานนี้เอง ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวคล้ายๆว่าคุณนิติภูมิ ไปหาคุณทักษิณหรือไม่ที่ลอนดอน ไปขอ อภัยคุณทักษิณจริงหรือไม่ ไม่มีใครรู้ พิสูจน์ยาก คุณนิติภูมิก็ไม่ได้ให้ความชัดเจนในเรื่องนี้สักเท่าไร่ ว่าไปจริง หรือไม่จริงแต่คล้ายๆว่ากำหนดการให้ดูว่าตัวเองเหมือน กับไม่ได้ไป แต่ของแบบนี้ก็อยู่ที่ท่านผู้ชมจะเชื่อหรือไม่ เชื่อ และก็อยู่ที่ข้อเท็จจริง แต่ว่าบังเอิญมันสอดคล้องกับ วันที่ ว่าเป็นประมาณว่าเงื่อนไขประมาณสัก 2 - 3 สัปดาห์ก่อนนี้เอง 8 ตุลาคม 2550 ความอาญาเหมือนเดิม เลยครับ พรรคไทยรักไทยที่ 1 กับพวกรวม 2 คน เป็นโจทก์ และฟ้อง อ.ปราโมทย์ นาครทรรพ ที่ 1 กับพวกรวม 5 คน จำเลย ก็ไล่ความว่า "ข้าพเจ้า นายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความโจทก์ทั้ง 2 ระบุพยานของข้าพเจ้า รวม 12 อันดับ ตามบัญชีตารางข้างล่างนี้ ก็ปรากฏว่า มีพยานดังต่อไปนี้ เอาเฉพาะ 6 คนแรก ที่เราพูดถึง 1.รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล คนนี้ก็เป็นอาจารย์ และที่จริงก็ออกรายการอยู่ช่วงหนึ่งที่ ทาง ททบ.5 วิพากษ์วิจารณ์ 2. ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ 3.คุณสุวพงษ์ จั่นฝังเพชร 4.นายสมัคร สุนทรเวช 5.พล.ต.ท.วินัย ทองสอง
       
       สโรชา - ดิฉันคุ้นๆ นะ
       
       ปานเทพ - ข้าราชการนี่ ข้าราชการที่เป็นตำรวจเป็น พยานให้ด้วยนะครับ ให้กับพรรคไทยรักไทย ให้กับคุณทักษิณ นะครับ
       
       สโรชา - ชื่อถัดมายิ่งน่าสนใจใหญ่เลย
       
       ปานเทพ - พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ โอ้โห เป็นไงครับ ผมถามคุณทนาย คุณสุวัฒน์ อภัยภักดิ์ ซึ่งให้ข้อมูลเอกสาร เหล่านี้กับพวกเรา ก็ต้องขอบพระคุณด้วย ที่จริงคุณสุวัฒน์ เป็นคนสังเกตคนแรกเลย คุณสุวัฒน์ ทนายเรา ว่าพยานมีใครบ้างแล้วก็ตั้งข้อสังเกตว่า ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ เป็นพยานฝ่ายโจทก์ของคุณทักษิณ ที่คัดเลือกมาในวันที่ 8 ตุลาคมนี้ เป็นลำดับที่ 2
       
       สโรชา - จริงๆ แล้วคุณนิติภูมิ ก็เป็นจำเลยในคดีที่ คุณทักษิณ ฟ้องอยู่ไม่ใช่หรือคะ
       
       ปานเทพ - ใช่ครับ ทีนี้มีข้อมูลเพิ่มเติมนิดหนึ่งว่า คนที่ 3 ที่เราไม่ค่อยรู้จักคุณสุวพงษ์ จั่นฝังเพชร เป็นบรรณาธิการ มติชนนะครับ
       
       สโรชา - หรือคะ
       
       ปานเทพ - แปลกใจไหมครับ ก็เป็นพยานของฝ่าย โจกท์อีกคนหนึ่ง ทีนี้ผมไปถามคุณสุวัฒน์ อภัยทัด ทนาย ในคดีนี้ว่ามีความเห็นอย่างไรในการจัดลำดับของผู้ที่กำลัง เป็นพยานในคดีนี้ ข้อที่ 1 คือ คุณสุวัฒน์ อภัยทัด ไม่ค่อย กังวล เพราะว่าคดีนี้คุณทักษิณ ชินวัตร ไม่มาประเทศไทย ไม่ได้ปรากฎเสียที ความเสียหายก็จะพิสูจน์อย่างไร ถือว่า โจกท์ไม่มา
       
       สโรชา - คนที่ฟ้องอาจจะเข้าใจว่าคุณทักษิณ จะขึ้น เป็นพยานเองด้วยซ้ำ
       
       ปานเทพ - ครับ เป็นผู้เสียหายเอง เป็นโจกท์เอง ทีนี้โจกท์ไม่อยู่ ประการที่สอง พรรคไทยรักไทยตอนนี้ถูกยุบ ไปแล้วเหมือนกับถ้าเป็นบุคคลเสียชีวิตไปแล้ว ตายไป แล้วนะครับ แล้วจะมีอำนาจมีการรับรองทางกฎหมายที่ จะไปฟ้องร้องคนเหล่านี้หรือไม่ แต่ว่า ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ คุณสุวัฒน์ ตั้งข้อสังเกตว่าการจัดลำดับเป็นลำดับที่ 2 แสดงว่าให้น้ำหนักเยอะ
       
       สโรชา - ค่ะ อันนี้ความหมายการจัดเรียงลำดับของพยานก็มีความหมายเหมือนกันหรือคะ
       
       ปานเทพ - ครับ การวิเคราะห์ของคุณสุวัฒน์ อภัยภักดิ์ บอกว่าคล้ายๆ กับว่าถ้าเป็นลำดับข้างล่างลงมาไม่ว่าจะ เป็นคุณสมัคร สุนทรเวช ก็อาจจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหัว หน้าพรรคพลังประชาชนย่อมมีส่วนได้ส่วนเสียในการ ให้ความเห็นต่อกรณีของการยุบพรรคไทยรักไทย หรือ การกล่าวหาคุณทักษิณ เป็นต้นนะครับ คุณวินัย ทองสอง ก็เป็นข้าราชการที่ได้ขึ้นชื่อว่าทำงานให้กับระบอบทักษิณอย่างเข้มข้น พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ก็ถือว่าเป็นอีก คนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการวิพากษ์วิจารณ์โดยคุณ สนธิ ลิ้มทองกุล อย่างนี้เป็นต้น แต่น้ำหนักของ 2 คนแรก คงจะจัดอันดับแล้วว่ามีความสำคัญ มีน้ำหนัก นอกจากมีน้ำหนักแล้วอาจจะถือว่ามีการพูดคุยกันก่อน และที่สำคัญ ที่สุดใน 2 คนแรกนั้น ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ถือว่าเป็นคนที่เคยวิพากษ์วิจารณ์คุณทักษิณ อยู่ฝ่ายตรงข้ามมาก่อน น้ำหนักก็จะมองกลายเป็นว่าแม้แต่ฝ่ายตรงข้ามยังเห็นด้วย เลยกับการฟ้องร้องคราวนี้ ทีนี้ก็อาจจะปฎิเสธได้ว่าคุณนิติภูมิ ไม่รู้เรื่องกับกรณีแบบนี้โดยอ้างว่าฝ่ายโจทก์เรียก ไปเอง ไปเป็นพยานเอาเองแต่จะมีหรือถ้าไม่มั่นใจว่าคุณ นิติภูมิ จะพูดอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมได้ฟังคำ สัมภาษณ์ของคุณนิติภูมิ นวรัตน์ แล้วทำให้อดคิดไม่ได้ ว่าทำไมอย่างพรรคไทยรักไทย และคุณทักษิณ จึงได้มั่น อกมั่นใจว่า ร้อยตำรวจเอกดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ขึ้นเป็น พยานแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายโจกท์ได้อย่างไร โดย เฉพาะอย่างยิ่งเรามีเสียงสัมภาษณ์เอาไว้เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2549 เสียงคุณนิติภูมิ นวรัตน์ นี่นะครับขึ้นเวที ปราศัยในเวทีพันธมิตร อยากฟังไหมว่าคนลักษณะอย่างนี้จะไปเข้าข้างฝ่ายโจทก์ได้อย่างไร ลองไปฟังดูครับท่าน ผู้ชมครับ
       
       (วีทีอาร์)
       
       ปานเทพ - เป็นไงฮะ
       
       สโรชา - ก็ฟ้องซิดี จะได้ลากไส้ทักษิณ ออกมา
       
       ปานเทพ - ใช่ ก็แสดงว่าคุณนิติภูมิ พร้อมที่จะถูกฟ้อง ถึงขนาดขึ้นบนเวทีแล้วประกาศด้วยความองอาจ กล้าหาญว่า ฟ้องซิ ไม่กลัว เราจะไปเชื่อได้ยังไงว่า คนอย่างคุณนิติภูมิจะไปขอโทษคุณทักษิณ จะเชื่อได้ยังไง เชื่อได้ยาก แต่ว่ามีข้อน่าสังเกตว่า คุณนิติภูมิเนี่ย ขึ้นเวทีไปแล้ว สักพักหนึ่งคุณนิติภูมิก็ไม่ขึ้นเวทีอีก เพราะว่าคุณนิติภูมิ จะไปสมัคร ส.ว. คุณนิติภูมิ นวรัตน์ ได้คะแนนเป็นที่ 1 ของกรุงเทพมหานคร ชนะคุณสมัคร สุนทรเวช ด้วยซ้ำไป
       
       สโรชา - คะแนนมามากว่าคุณสมัคร
       
       ปานเทพ - ใช่ แต่ว่าจะเล่าให้ฟังว่า ความเห็นที่น่าสนใจของคุณนิติภูมิ นวรัตน์ ในตอนนั้น คุณนิติภูมิกลับ ให้ความเห็นของการขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ว่าไงรู้มั้ยครับ เขา บอกว่า ต้องเล่าเบื้องหลังก่อน คุณนิติภูมิ ต่อต้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจในส่วนสาธารณูปโภคชัดเจน ถึงขนาดขึ้นชื่อในการทำสารคดีอาร์เจนตินา ว่าแปรรูปแล้วเหมือน กับประเทศล่มสลาย เหมือนถูกปล้น
       
       สโรชา - จำได้ว่าตอนนั้นยังวีซีดีของสารคดีนี้มาแจก ที่เวทีพันธมิตรฯ ด้วย
       
       ปานเทพ- คุณนิติภูมิ นวรัตน์ ให้สัมภาษณ์ไว้ถึงในเรื่อง ของแนวคิดในการขึ้นเวทีพันธมิตร และเป็นบทความที่ ยาวพอสมควรในตอนนั้น ซึ่งที่ผมมีเอกสารในตอนนี้ก็ คือการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2549 ตอน นั้นคุณนิติภูมิ นวรัตน์ ให้ความเห็นอย่างนี้ว่า "ข้อใหญ่ ใจความที่ทำให้ผม ตัดสินใจขึ้นเวทีพันธมิตรฯ มีอยู่ 2 เรื่อง คือการแปรรูปรัฐวิสาหกิจในกิจการหลักของประเทศ และการที่รัฐบาลจะเสนอร่างกฎหมายให้ต่างชาติถือ กรรมสิทธิ์ในที่ดินของไทยได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และก็ อื่นๆนะฮะ พูดว่าประเทศไทยต้องรักษาไว้ซึ่งไฟฟ้า ประปา ดอกเบี้ย และน้ำมัน สำหรับไฟฟ้าและประปานั้น ต้องไม่มีการแปรรูปเลย อย่างนี้เป็นต้นน่ะครับแล้วก็พูด ยาวเลย ที่นี้หลังจากนั้นก็แต่ว่ามีความคิด ในเรื่องของการ ขึ้นสมัคร ส.ว.น่ะครับ คุณนิติภูมิบอกว่า อย่างนี้น่ะครับ บอกว่าเหตุผลครั้งหนึ่งที่เขาเคยขึ้น กระโชกลากขาเขาไป ขึ้นเวทีพันธมิตรก็คือ นโยบายของคุณบุญคลี ที่เสนอร่างกฎหมายให้ต่างชาติถือครองที่ดินในประเทศไทย 100 เปอร์เซนต์เต็ม ตรงนี้อันตรายมาก การแปรรูปรัฐวิสาหกิจก็อันตราย ส่วนอย่างอื่นเช่นการปราบปรามยาเสพติด คุณนิติภูมิบอกว่า เขาเห็นด้วยกับรัฐบาลคุณทักษิณ หลาย อย่างรัฐบาลทำดี ตัวคุณนิติภูมิชื่นชม ใช้คำนี้น่ะครับ หลายอย่างที่รัฐบาลกำลังจะขายสมบัติของชาติ ผมซึ่ง หมายถึงคุณนิติภูมิก็ต่อต้าน การขึ้นเวทีพันธมิตร ทำให้ คะแนนผมหายไปครึ่งหนึ่ง ใช้คำนี้น่ะครับ การขึ้นเวที พันธมิตรทำให้คะแนนผมหายไปครึ่งหนึ่ง ผู้ชมที่ชอบ รัฐบาลไม่ชอบผมแน่นอน ผมทราบตั้งแต่แรกแล้ว แต่ผม ก็ทำ เพราะผมคิดว่า นี้เป็นหน้าที่ของประชาชน ผมขึ้นไปในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ไม่มีแม้แต่ประโยคเดียวที่ เป็นการหาเสียง หรือเป็นการกล่าวโจมตีผู้สมัคร ส.ว.ราย อื่น ตอนนั้นยังไม่มีการสมัครแต่อย่างใด น่าสงสารคุณ นิติภูมิไหมครับ
       
       สโรชา - ไม่แต่ว่าคุณนิติภูมิพูดเสมือนว่า คุณนิติภูมิ ไปลง ส.ว.ในเขตแถบอีสาน ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเกิดมาขึ้น เวทีพันธมิตร แล้วไปลงที่อีสานไม่ได้แน่นอน แต่กรุงเทพมหานครนี้ กลับทำให้คิดว่าเสียงที่มาถล่มทลายมา เป็นอันดับ 1 ไม่ใช่เพราะว่าเวทีพันธมิตร
       
       ปานเทพ - กลับกลายเป็นว่าคุณนิติภูมิคิดว่า ที่ขึ้นเวที พันธมิตรทำให้คะแนนหายไปครึ่งหนึ่ง
       
       สโรชา - หมายความว่า ถ้าเกิดไม่ขึ้นคุณนิติภูมิจะมา อีกเท่าตัว
       
       ปานเทพ - อาจจะมากกว่านี้ก็ได้ นี่คือความเห็นของ คุณนิติภูมิน่ะครับ ถ้าผมแปรความผิดผมก็ต้องขออภัย แต่ ผมคิดว่าจากข้อความทำให้คิดอย่างนี้ได้ แต่ว่าถ้าเราพูดกันให้มีความเป็นธรรมสักหน่อย ก็ต้องบอกว่า ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ เคยสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่จะสมัคร ส.ว.แพ้คุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน แพ้ใครอีกครับ
       
       สโรชา - รุ่นนั้นหรอมีคุณปวีณา หงสกุล
       
       ปานเทพ - แพ้คุณชูวิทย์ด้วยครับ
       
       สโรชา - คุณชูวิทย์มาที่ 3
       
       ปานเทพ - และก็ไม่ได้คะแนนเป็นที่ 1 น่ะครับ ที่จะไป ชนะใครได้แต่เอาล่ะคุณนิติภูมิคิดอย่างนั้นก็ไม่ว่าอะไร น่ะครับ แต่อีกความคิดเห็นหนึ่งที่น่าสนใจก็คือว่า คุณนิติ ภูมิเคยพูดกับคุณสมัครไว้เหมือนกันน่ะครับ บอกว่าที่จริง แล้วชอบความเห็น และก็ชื่นชมคุณสมัคร สุนทรเวช น่ะครับ นอกจากนี้ก็ยังมีอีกความเห็นหนึ่งก็คือ ปฏิญญา ฟินแลนด์ ที่เป็นคดีฟ้องร้องตรงนี้ ว่าคุณนิติภูมิก็แสดง ความเห็นไว้ว่า เรื่องของพรรคการเมืองที่มีความเห็นใน เรื่องของปฏิญญาฟินแลนด์ ตัวเขาเองก็คัดค้านในเรื่องนี้ และมองว่าปฏิญญาฟินแลนด์เป็นสิ่งที่ชั่วร้าย ในการ เมืองไทย
       
       สโรชา - ก็คือมีการแสดงความคิดเห็นไว้ล่วงหน้า ก่อนหน้านี้แล้ว ไม่เห็นด้วยถ้าหากว่ามีจริงใช่ไหมค่ะ
       
       ปานเทพ - คืออย่างนี้ครับ คุณนิติภูมิพูดไว้อย่างนี้ครับ ผมขออนุญาตอ่านคำสัมภาษณ์ของคุณนิติภูมิน่ะครับ บอกว่าตัวผมซึ่งหมายถึงคุณนิติภูมิ ไม่เห็นด้วยกับ ปฏิญญาฟินแลนด์ ทั้งนี้น่ะครับพูดไม่เห็นด้วยน่ะครับ อ่านดูก็รู้ว่ากลุ่มคนที่สร้างขึ้นนั้น เป็นพวกมีประสบการณ์มาก แต่มีเจตนาต้องการควบคุมอำนาจการ เมือง อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ให้มีเฉพาะพรรคพวกตัวเอง เท่านั้น พวกนี้มุ่งไปที่รากหญ้า โดยใช้รากหญ้าเป็นฐาน การเมือง อ้างเสียงประชาชนเพื่อให้ระบบราชการอ่อนแอ ต้องการให้ข้าราชการเป็นล้านๆ คน รับใช้เพียงคณะของ ตน และที่ผมรับไม่ได้มากที่สุดก็คือ พวกนี้มุ่งที่จะทำลาย สถานะของระบบกษัตริย์ ใครอย่างจะเข้าใจปฏิญญา ฟินแลนด์ ผมอยากให้แนะนำให้ไปดูความเป็นไปของ ผรั่งเศส ในสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ที่มีการทำลายคุก มาสตี เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ.1789 คุณนิติภูมิดู เข้าใจน่ะครับ
       
       สโรชา - ดูเข้าใจว่าปฏิญญาฟินแลนด์ คืออะไร และก็ ไม่เห็นด้วย
       
       ปานเทพ - และดูเหมือนว่า จะเชื่อด้วยว่ามีจริงๆ
       
       สโรชา - อ่านอย่างนี้แล้ว ถ้าเกิดเอาข้อมูลไปให้ทนาย ของคุณทักษิณ มีมีสิทธิถอนเป็นพยานรึเปล่า เขาอาจจะไม่ เห็นข้อมูลที่ว่านี่ก็ได้น่ะ
       
       ปานเทพ - ไม่ทราบสิครับ ทำให้ข้อครหาหรือข่าวลือก่อนหน้านี้ ว่าคุณนิติภูมิตัดสินใจไปขอโทษคุณทักษิณ มันเลยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นไง
       
       สโรชา - ว่าสิ่งที่พูดมาทั้งหมดนั้น ผิดไปแล้วอย่างนี้ หรอ เป็นไปได้หรอ
       
       ปานเทพ - มันไม่น่าเชื่อใช่ไหม คุณแอ้มเราเห็นคุณนิติ ภูมิ นวรัตน์ขึ้นเวทีอยู่ในตอนนี้น่ะครับ เราก็คิดว่าเขาเป็น คนที่ดูมีความกล้าหาญ ถึงขนาดกล้าพูดอย่างนั้นได้ ใคร จะฟ้องๆ มาเลย เดี๋ยวผมจะสาวไส้ให้หมดเลย คนอย่างนี้หลอกหรือที่ทนายของฝั่งไทยรักไทยและคุณทักษิณ จะ เลือกหยิบยกมาใช้เป็นพยานคนที่ 2 ไม่กลัวเขาลากไส้หรือ อันนี้ก็เป็นข้อสังเกตที่ผมคิดว่าประชาชนก็ต้องรู้สึกอย่างนี้มากๆ เมื่อเช้าได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณสุวัฒน์ อภัยภักดิ์ ทนายฝั่งพันธมิตรนะครับ ให้ข้อคิดว่าที่จริงเขามีหลัก ฐานอยู่ 1 ชิ้น เป็นซีดี
       
       สโรชา - เขาคือฝ่ายของคุณสุวัฒน์
       
       ปานเทพ - ใช่ครับ มีซีดีที่เก็บไว้นานแล้ว และก็คิดว่า จะใช้ประกอบในการลดน้ำหนักของพยานคนๆ นี้ที่ชื่อ นิติภูมิ นวรัตน์ ว่ามีลักษณะเรื่องของปัญหาทางธุรกิจหรือ ไม่ มีปัญหาเรื่องหนี้สิน ติดหนี้คนจริงหรือไม่ โดยมีเสียง เทปเป็นวีซีดีนะครับ ผมถามคุณสุวัฒน์ ว่า แล้วเสียงวีซีดีมันเคยหลุดรอดไปเหมือนตอนที่สมัคร สว. ในผู้ว่ากทม. หรือเปล่าที่เสียงในเรื่องของหนี้สิน บอกไม่ใช่อันใหม่ คนนี้เป็นลูกความแล้วก็ส่งตรงนี้มาให้ และก็มีเสียงครบ เครื่องครบถ้วนด้วย เราก็ไม่รู้ แต่คุณสุวัฒน์ บอกว่าที่จริงก็ มีความรู้สึกอย่างนี้กับคุณนิติภูมิ และก็มีความรู้สึกอย่างนี้ มานานแล้วก่อนขึ้นเวทีพันธมิตร
       
       สโรชา - นี่คือทำงานในฐานะทนายที่จะต้องหาหลัก ฐานหรือว่าข้อมูลที่จะต้องลบล้างความน่าเชื่อถือของพยาน ของโจทก์ถูกไหมคะ
       
       ปานเทพ - ถูกครับ ทีนี้ก็ปรากฏว่าเมื่อวานนี้คำที่การให้ ข้อมูลของคุณแอน จินดารัตน์ บอกว่าทางทีมงาน โทรศัพท์ติดต่อคุณนิติภูมิ ให้มาออกรายการ คุณนิติภูมิ ก็ บอกว่าก็เพราะขึ้นเวทีของพวกคุณนั่นแหละถึงทำให้ผมเป็นแบบนี้ กกต. ก็ไม่รับรองเลย แล้วก็วาง เขาก็บอกว่าถ้าพูดอย่างนั้นจริงๆ ก็ต้องถือว่าคุณนิติภูมิ มองการขึ้นเวที พันธมิตรเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวเองเสียหายได้รับความเดือดร้อน ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วไม่มีใครที่จะไปผลักดันหรือว่าลาก คุณนิติภูมิ ขึ้นไปบนเวทีแล้วก็พูดอย่างนั้น อย่างองอาจ กล้าหาญ
       
       สโรชา - สีหน้าก็ไม่ได้ลังเลนะคะ การพูดการจา
       
       ปานเทพ - ดูเท่ห์มากเลยนะครับ แต่อย่างว่านะครับใน ที่สุดคุณนิติภูมิ คงต้องตอบคำถามนี้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นใน ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณนิติภูมิ มีคำถามหนึ่งคุณ คำนูณ เคยเล่าให้ฟังว่าคุณนิติภูมิเคยหาคุณคำนูณบอกว่า ผมอยากอยู่แถวหน้า อยากมาก
       
       สโรชา - ตอนที่กำลังจะไปเดินทาง คะ
       
       ปานเทพ - ผมชอบ ผมอยากจะอยู่แถวหน้าผมต้องการ แสดง แล้วก็ได้อยู่จริงๆ แล้วภาพก็ปรากฏออกสื่อไปด้วย อยากดูไหมครับ ไปดูหน่อยครับ
       
       สโรชา - วันนี้คือวันที่ 14 มีนาคม 2549
       
       ปานเทพ - วันนั้นเป็นอย่างไรครับ คนเยอะแยะเลย ก็ แน่นอนครับแถวยาว แถวกว้างมากการที่จะหาใครสักคน ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
       
       สโรชา - แต่แน่นอนว่าจะต้องมีสื่อสังเกตและก็ถ่ายภาพไว้ เพราะว่าเป็นคนที่มีชื่อเสียง
       
       ปานเทพ - เห็นใครไหมครับ
       
       สโรชา - ใส่เสื้อสีขาวใช่ไหมคะ
       
       ปานเทพ - ผมสั้นๆ สีขาวๆ แถวหน้าเลยครับหลังจาก กองทัพธรรม จะว่าไปแล้วอยู่หน้ากองทัพธรรมด้วยซ้ำไป เป็น ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ ถ้าเป็นข่าวนะตามความรู้สึก ของประชาชนจำได้ว่าคุณนิตภูมิต่อสู้เรื่องนี้ แต่คุณนิติ ภูมิมองว่าคะแนนเสียงลดลงไปครึ่งหนึ่งก็เพราะเรื่องนี้
       
       สโรชา - ถึงแม้จะมาที่ 1 นะคะ
       
       ปานเทพ - ผมยังคิดเลยนะครับว่าถ้าคุณเนติภูมิ นวรัตน์ ลงพื้นที่ใดก็ตามในการสมัครรับเลือกตั้งจะคิดอย่างไร ถ้า มีประชาชนกลุ่มหนึ่งเอาวีซีดีคุณนิติภูมิ นวรัตน์ ขึ้นด่าทอ ระบอบทักษิณ หรือว่าต่อว่าต่อขานคุณทักษิณไปแจกจ่าย รวมถึงบทความที่ต่อว่าระบอบทักษิณทั้งหลาย
       
       สโรชา - เขาก็จะบอกว่าพ่อ ลูกกันไม่เกี่ยว คนละคน บรรลุนิติภาวะแล้ว ฉะนั้นก็พูดได้แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่า นั้นก็คือว่ามีข่าวหรือยังว่าคุณนิติภูมิ เส้นทางทางการเมือง จะเดินต่อไปอย่างไร จะลง สว. ไหม ถ้าลงแน่นอนว่าต้อง เป็นกรุงเทพฯ
       
       ปานเทพ - แต่มันอาจจะเป็นไปได้ด้วยซ้ำไป บางคนอาจจะคิดเพราะความไม่เหมือนกันที่ร้อยตำรวจเอกนิติภูมิ นวรัตน์ ไปขึ้นเวทีพันธมิตรด่าทอคุณทักษิณ บางทีเขาอาจ จะคิดก็ได้ว่าลูก เป็นลูกที่มีอิสรภาพทางความคิด หรืออีก อย่างหนึ่งก็คือว่าคุณนิติภูมิสอนแล้วก็ไม่จำ หรือบางที คุณนิติภูมิอาจจะไม่ได้สอนก็ได้ อันนี้เราก็ไม่รู้ว่าจริงๆ เป็นอย่างไรนะครับ แต่ก็เชื่อว่าคงต้องถามท่านผู้ชมว่าคุณ เนติภูมิ นวรัตน์ ไปลงพื้นที่ท่านผู้ชม ท่านผู้ชมอยากฝาก ข้อความอะไร
       
       สโรชา - มีคะ มีทาง SMS มา อ๋อนี่คือคุณเนติภูมิ เขา หน้าตาหล่อเหลาดูเป็นคนมีการศึกษา
       
       ปานเทพ - ก็อย่างนี้นะครับ ท่านผู้ชมคิดอย่างไรก็ลองส่ง SMS มาแต่ว่าช่วงหน้า
       
       สโรชา - แต่ว่ามีโทรเข้ามาก็มีนะคะ เดี๋ยวช่วงหน้า อ่านให้ฟัง ไปพักสักครู่คะ เดี๋ยวกลับมาคุยเรื่องอื่นๆ ต่อ ด้วยคะ
       
       ***ยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่สอง
       
       สโรชา - กลับเข้าสู่รายการยามเฝ้าแผ่นดินนะค่ะ เรื่องนี้ท่านผู้ชมแสดงความคิดเห็นมาอย่างกว้างขวาง และก็มีบางท่านบอกว่า เนี่ยไปชมเค้าหล่อ เค้าอาจจะประเภทสวยแต่รูปจูบไม่หอมก็ได้นะ ก็ต้องรอดูว่าเป็นยังไง ที่สำคัญก็คือหลายคนบอกว่า ถ่ายรูปขึ้น แต่เห็นตัวจริงมาแล้วว่าถ่ายรูปขึ้น ก็ไม่ทราบเพราะไม่เคยเห็นตัวจริง ก็ดูและกันคุณผู้ชม เค้าไปลงเขตไหนก็กระซิบกระซาบกันมาละกันนะค่ะว่าเป็นอย่างไร
       
       สโรชา -วันนี้ไม่พูดไม่ได้ สำหรับเอกสารลับของคุณสมัคร สุนทรเวช ที่ออกมาเป็นข่าวคึกโครมตามหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อตั้งแต่เมื่อวานนี้ จนกระทั่งเมื่อเช้านี้ก็มีการสัมภาษณ์ผู้หลักผู้ใหญ่หลายต่อหลายท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนแรก พล.อ.สนธิ บอกว่าวันนี้จะแถลงข่าวเรื่องนี้นัดกับนักข่าวไว้ในช่วงบ่ายๆว่าจะแถลงเรื่องนี้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ผลปรากฏว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ชิงให้สัมภาษณ์ซะก่อน พล.อ.สุรยุทธ์ไม่ได้พูดออกมาตรงๆนะค่ะ บอกว่าเป็นเอกสารของ คมช.จริงหรือไม่ แต่พูดในเนื้อหาว่า นายกฯได้อ่านเอกสารเรียบร้อยแล้ว เนื้อหาเห็นแล้ว ที่สำคัญเนื้อหาพูดถึงการกระทำใดๆที่เกี่ยวกับความรุนแรง หรือว่าวิธีการอื่นใดนอกเหนือจากการดำเนินการตามปกติ คือนายกฯ พูดในลักษณะที่ว่าก็เนื้อหาไม่ได้ร้ายแรงอะไร ไม่ได้มีคำว่าข่มขู่ หรือว่าจะใช้ความรุนแรงจนถึงขั้นที่คุณสมัครให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ว่า ถึงขั้นว่าปองร้ายคุณสมัคร ก็บอกว่า เนื้อหาดูแล้วไม่มีอะไร ไม่บอกว่าจะต้องไปพูดคุยกันต่อว่าตกลงเป็นเอกสารของ คมช.จริงหรือไม่อย่างไร พล.อ.สนธิ ก็ไปในลักษณะคล้ายๆกัน ก็ไม่ได้ออกมายอมรับตรงๆ แต่ที่สำคัญก็บอกว่า คำสั่งพวกนี้เป็นเรื่องปกติของกองทัพ มีคำสั่งออกมาเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงของชาติ คงต้องตรวจสอบกันต่อไป ว่าเอกสารฉบับนี้เป็นอย่างไร ความเป็นมาเป็นอย่างไร เนื้อหาคงจะคุยกันแล้วเมื่อวานนี้ แต่ว่าที่สำคัญวันนี้ก็มีปฏิกิริยาจากหลายฝ่าย ออกจากนายกฯ พล.อ.สนธิ แล้ว ก็ต้องไปถามคนอื่นๆด้วย คุณอภิสิทธิ์ แน่นอน ออกมาในฐานะพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่าไม่เกี่ยวนะกับพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ทราบเรื่อง ทางด้านพรรคพลังประชาชนก็ออกมา พูดจาในลักษณะที่ว่า คล้ายๆกับว่าไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบในชนิดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตรวจสอบเรื่องของเงินที่ไปซื้อแมนเชตเตอร์ซิตี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่ว่านี้ ถ้าเกิดไปถามทางด้านของคุณสุริยะใส กตะศิลา มีเรื่องที่น่าสนใจ คุณสุริยะใส บอกว่า เรื่องนี้จริงๆแล้วไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดปกติ เป็นเรื่องธรรมดาของกองทัพโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังมีการทำรัฐประหารแล้ว ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องมีการสั่งการกันในลักษณะต่างๆ คุณสุริยะใส บอกว่า ในสมัยรัฐบาลทักษิณ มาจากการเลือกตั้ง ก็มีเอกสารเปิดโปงแผนสกัดเอ็นจีโอ และการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน บอกว่า คุณทักษิณ สั่งให้มีการตัดงบประมาณ ตัดเงินสนับสนุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เงินที่มาจากต่างประเทศ สำหรับเอ็นจีโอ ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามคุณทักษิณ ก็เคยทำมาแล้ว คุณสุริยะใส บอกว่า จริงๆแล้วปัญหามันอยู่ที่ว่า เอกสารฉบับนี้ของ คมช.ถูกเปิดเผยในช่วงนี้ได้อย่างไร อาจจะเป็นคนในวงในเป็นคนปล่อยเอกสารนี้ออกมา ยืมปากคุณสมัคร ซัดกันเอง ซึ่งก่อนหน้าก็มีปล่อยออกมาหลายครั้ง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณสมัคร และพรรคพลังประชาชนจะนำเอกสารนี้ไปขยายผลเพื่อเรียกคะแนนเห็นใจ แต่อยากจะเตือนคุณสมัครว่า อย่าใส่ไข่เลยเถิดถึงขั้นแผนเอาชีวิต หรือใช้ความรุนแรง เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริงไม่มีใครเห็นด้วยอย่างแน่นอน
       
       สโรชา -วันนี้คุณบรรหาร ศิลปอาชา ก็ ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ คือแสดงความเห็นใจคุณสมัครเล็กน้อย แต่พูดได้น่าสนใจคือ จริงๆ ไม่ห่วงน่ะ ไม่ห่วงคุณสมัครหรอกค่ะ เพราะว่าคุณสมัครถือว่ามีของดีคุ้มครองอยู่ ก็คงไม่ได้เป็นอะไรไปง่ายๆ
       
       ปานเทพ - ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นของดี ประเภทเดียวกันกับคุณเนวิน ชิดชอบหรือเปล่า
       
       สโรชา - เออไม่รู้ว่าเป็นของดีของเนวินหรือเปล่านะ
       
       ปานเทพ - แต่ว่าผมอยากจะตั้งข้อสังเกตบางข้อ ให้อยู่เพื่อพิจารณาน่ะครับ ผมคิดว่าเอกสารชิ้นนี้ดูจากลายเซ็นต์ ที่เมื่อวานเราวิเคราะห์กันแล้ว แล้วก็ดูขั้นตอนแล้วสะท้อนให้เห็นว่า การรั่วไหลของเอกสารเมื่อตอนต้นปี ในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ 12 ล้าน ให้กับ ดร.เชียรช่วง กัลยาณมิตร ของเดียวกันคือศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ได้เกิดขึ้นมาแล้วที่หน่วยงานเดียวกัน แต่คราวนั้นกรมกิจการพลเรือนเป็นผู้ดูแลเอกสาร จึงเชื่อได้ว่าน่าจะรั่วมาจากตรงนั้น โดยมีเหตุจูงใจตรงที่มีการย้ายเจ้ากรมเปลี่ยนคนกัน อาจจะเป็นการทดสอบคล้ายๆ แสดงทำให้เกิดลดความน่าเชื่อถือเจ้ากรมคนใหม่ ก็เป็นไปได้ 1 น่ะครับ แต่คราวนี้ต้องถือว่าให้ความสำคัญมากขึ้นไปกว่าเดิม เพราะว่าเป็นระดับ พ.อ.ที่เป็นรองเจ้ากรมยุทธการทหารบก คำว่ายุทธการทหารบกก็หมายถึง การดำเนินทางยุทธการน่ะครับ ยุทธการของกองทัพบก ซึ่งเคยเป็นหน่วยงานที่เหมือว่าดูแลเอกสาร และดำเนินทุกอย่างแทน คปค.เบื้องต้นด้วยซ้ำไป และก็คราวนี้เรื่องครั้งนี้ เฉพาะชิ้นนี้น่ะครับ หลุดในหัวข้อเดียวกันคือหน่วยงานเดียวกันคือ ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ แต่ว่าฝ่ายรองเจ้ากรมยุทธการทหารบกเป็นผู้เซ็น และเชื่อว่าแถวๆ นั้นแหละคงจะรั่วไหล นั้นหมายถึงว่าไม่มีอะไรปิดได้แล้ว ขนาดยุทธการทหารบกยังเอกสารรั่วได้ ไม่มีความลับใน คมช.อีกต่อไป สะท้อนให้เห็นว่าเครือข่ายคุณทักษิณ สามารถหยิบชิ้นไหนมาก็ได้ เลือกชิ้นไหนมาเป็นทางการเมืองก็ได้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นแล้วต้องระมัดระวัง ครั้งนี้เป้นครั้งที่ 2 หรือครั้งที่3 แล้วที่เอกสารรั่วน่ะครับ ทีนี้เนื้อหาสาระสำคัญผมไม่ค่อยจะแปลกใจ เพราะว่ามันไม่ค่อยเป็นการขู่ฆ่าเอาชีวิต ก็อย่างที่ว่าจริงๆ นั่นแหละ แต่สะท้อนให้เห็นว่าการรัฐประหารมา เขาก็ต้องคิดว่าไม่ให้อำนาจเก่ากลับมาโดยธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไรน่ะครับ ผิดปกติที่ว่าบางคำพูดดูไม่เหมาะสม ที่จะเป็นเรื่องที่มันลงและทำให้เกิดโอกาส ที่จะรั่วไหลของเอกสารได้น่ะครับ จริงๆ แล้วต้องยอมรับว่าจริงๆ พล.อ.สนธิ เตรียมที่จะแถลงข่าววันนี้ ว่าเป็นยังไงเท็จหรือไม่เท็จ อาจจะพูดว่าเท็จด้วยซ้ำไปนะครับ
       
       สโรชา - คือสัญญาไว้กับนักข่าวเมื่อวานนี้ คือนักข่าวไปถามหลังจากที่คุณสมัครออกมาแถลงข่าว ท่านก็บอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้คุยกัน ก็นัดไว้เรียบร้อยแล้ว ผลปรากฏออกว่า นายกฯให้สัมภาษณ์ไปแล้ว ดูคล้ายๆ กับว่า นายกฯก็เชื่อว่าเป็นเอกสารจริง แต่อย่างที่ว่าๆ เนื้อหาก็ไม่ได้มีความรุนแรงอะไร ไม่ได้ผิดปกติอะไร ก็เป็นเรื่องธรรมดาของกองทัพ ก็เลยทำให้ พล.อ.สนธิก็แผ่วไปในช่วงบ่าย ก็นายกฯ ชิงพูดแล้ว
       
       ปานเทพ - จริงๆ เหมือนกับนายกฯทำแป็ก ทำให้ พล.อ.สนธิ หมดมุขที่จะไปพูดอะไร เพราะเหมือนกับว่ายอมรับว่าเอกสารนั้นจริง พอใจแล้วเลิกพูดเลย เท่ากับว่าไม่ต้องปฏิเสธว่าจริงหรือไม่จริง
       
       สโรชา - แม้กระทั่งโฆษก คมช.ที่ออกมาก่อนหน้านี้ที่ออกมาบอกว่า เอกสารเป็นของปลอมหรือเปล่า ชนิดที่ว่าอาจจะมีการเรียกค่าน้ำชากัน และก็ทำเอกสารเท็จขึ้นมา ทำให้เป็นข่าวเล่นๆ
       
       ปานเทพ - ผมว่าโฆษกโดยคุณสรรเสริญน่ะครับ ก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ในฐานะโฆษก คมช.เท่าที่จะทำได้ เพราะว่าแรงกดดันเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ตอบได้อย่างนี้ก็คือ ตอบให้ไม่รู้เรื่องนี้คือดีที่สุด
       
       สโรชา - ก็คือวกไปวนมา ดูคลุมเครือเล็กน้อย
       
       ปานเทพ - และก็งงๆ ว่าจริงหรือไม่จริง แต่มันสะท้อนให้เห็นถึงวิธีคิดของ พล.อ.สุรยุทธ์ไหมคุณแอ้ม คือหลายครั้งชอบพูดบอกว่า ผมอยากให้ประชาธิปไตยกลับคืนมาเร็ว ผมไม่อยากรัฐประหารก่อนหน้านี้มีคนชวน คือทุกอย่างให้ตัวเองดูดีเข้าไว้ ให้ลอยตัวเหนือปัญหา เหมือนกับไม่ไปคลุกกับปัญหาด้วย
       
       สโรชา - คือค่อนข้างจะชิ่งออกมาจาก คมช.อย่างเห็นได้ชัด
       
       ปานเทพ - แต่มีบางเรื่องที่ผมคิดว่า คงจะหนีไม่พ้นล่ะกัน กรณีเอกสารลับ ที่เกี่ยวกับรถหุ้มเกราะยูเครนมันเกิดมาและผ่านขั้นตอนโดยกองทัพบก ผ่านไปยังรัฐบาลที่โดยมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งผมดีใจและคุณคำนูณก็ดีใจ ตรงที่ขั้นตอนการอภิปรายของคุณคำนูณในเรื่องของรถหุ้มเกราะล้อยางขนาด 8 X 8 ของยูเครนได้ถูกระงับโดย พล.อ.บุญรอด สมทัศน์หลังจากมีการอภิปรายแล้วน่ะครับ เอกสาร สตง.เป็นส่วนที่มีความสำคัญน่ะครับ วันนี้ผมจะหยิบยกเอกสารลับอีกชิ้นหนึ่งขึ้นมา สะท้อนให้เห็นว่าความลับไม่มีในกองทัพอากาศ
       
       สโรชา - ทำไมค่ะวันนี้มีอะไรมาปล่อยอีกแล้ว
       
       ปานเทพ - วันนี้ผมมีเอกสารชิ้นหนึ่ง ซึ่งผมขอนุญาติเปิดให้ดูว่า แม้กระทั้งคำว่าลับมาก และด่วนที่สุดก็อยู่ในมือผมได้ เอกสารของกระทรวงกลาโหม
       
       สโรชา - มาอยู่ในมือ อ.ปานเทพได้
       
       ปานเทพ - ก็แปลว่าจริงๆ ก็อยู่ในมือใครก็ได้ ก็อยากจะบอกว่านอกจากรถหุ้มเกราะยูเครนที่ขนาด 8 X 8 แล้ว ก็ปรากฏว่ามีหนังสือส่งมา และก็บอกเบาะแสให้กับทีมงานยามเฝ้าแผ่นดิน ถึงคุณสนธิว่า ที่เราเคยสงสัยในเรื่องของรถหุ้มเกราะยูเครน 8 X 8 ที่ล้อใช้งานไม่ได้ กันตะปูเรือใบไม่ได้ ได้ถูกปฏิเสธในช่วงหลังๆ ว่าจะไม่ใช้ในทางภาคใต้ แต่มีรถอยู่ประเภทหนึ่งเขาเรียกว่า รถลำเลียงพลหุ้มเกราะขนาด 4 X 4 ไม่ใช่ 8 X 8 น่ะครับ
       
       สโรชา - ขนาดรถมันเล็กลง
       
       ปานเทพ - เล็กลงครับ ที่จะใช้ทางภาคใต้โดยมติ ครม.ที่มีการจัดซื้ออาวุธในวันนั้น มีการจัดซื้อรถลำเลียงหุ้มเกราะขนาด 4 X 4 ด้วย เป็นการสอดไส้อนุมัติงบประมาณในการสั่งซื้อครั้งนั้น ซึ่งไม่ได้จัดซื้อแค่ 8 X 8 แต่เป็น 4X4 ด้วย
       
       สโรชา - หมายถึงว่าในล็อกเดียวกัน มีทั้งขนาดใหญ่และก็มีรถหุ้มเกราะขนาดเล็กพ่วงอยู่ ในการจัดซื้อครั้งเดียวกัน
       
       ปานเทพ - ขนาด8 X 8 ขนาดใหญ่มาจากยูเครน 4 X 4 มาจากแอฟริกาใต้ครับ ที่นี้ที่มีข้อน่าสนใจก็เพราะว่า มันจะดีหรือไม่ดี พ่อค้าก็ต้องวิ่งส่งเอกสารกันไปทั่ว ทำให้เกิดความงงงวย ทำให้เกิดความสงสัยว่า มันผิดปกติหรือไม่ แต่งบประมาณครั้งนี้จะซื้อรถหุ้มเกราะขนาด 4 X 4 สำหรับลำเลียงพล พร้อมชิ้นส่วนซ่อมน่ะครับ เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะในการยุทโธปกรณ์ทางการทหารของแอฟริกาใต้ และข้อสังเกตดังต่อไปนี้ 1.ภายหลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 รัฐบาลแอฟริการใต้ได้ประณาม และไม่รับรองรัฐบาลไทย รวมทั้งดำเนินนโยบายและมีจุดยืนที่ชัดเจน ที่จะไม่มีปฏิสัมพันธ์ในระดับทางการกับไทย จนกว่าไทยจะมีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ตามวิถีแห่งประชาธิปไตย
       
       สโรชา - คือเค้าไม่ค้ากับเรา
       
       ปานเทพ - เหมือนเอ็ฟ 16 น่ะครับ 2.ตามระเบียบของแอฟริกาใต้ การขายยุทโธปกรณ์ทางการทหารแก่ต่างประเทศ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาล และรัฐสภาแอฟริกาใต้ก่อน และที่ผ่านมารัฐบาลแอฟริกาใต้มีจุดยืนที่ชัดเจน ที่จะไม่ขายอาวุธ ให้แก่ประเทศที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน และที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ที่ไม่เป็นตามครรโลงประชาธิปไตย 3.จากเหตุผลของแอฟริกาใต้ในข้อ 1 และข้อ2 จึงมีความเป็นไปได้ว่า รัฐบาลและรัฐสภาแอฟริกาใต้ อาจจะไม่ให้ความเห็นชอบ ที่จะขายยุทโธปกรณ์ทางการทหารให้แก่ไทย ในช่วงระยะเวลานี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นย่อมจะไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลและกองทัพไทย สี่ ดังนั้นเมื่อคำนึงถึงผลประโยชน์ในการต่อรองทางการเมืองของไทยและผลประโยชน์สูงสุดที่กองทัพไทยจะได้รับในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ทางการทหารจากแอฟฟิกาใต้ กองทัพจึงอาจพิจารณาประวิงการลงนามสัญญาซื้อขายต่างๆ เอาไว้ก่อนจนกว่ารัฐบาลแอฟฟิกาใต้จะรับรองรัฐบาลไทยอย่างเป็นทางการ ภายหลังจากการเลือกตั้งที่กำหนดจะมีขึ้นสิ้นปี 2550 ในชั้นนี้
       
       สโรชา - คือรอไว้ก่อน
       
       ปานเทพ - รอไว้ก่อน ซึ่งในชั้นนี้อาจจะมีการติดต่อและแลกเปลี่ยนดูงานการเยือนในระดับเจ้าหน้าที่อย่างไม่เป็นทางการก่อน เพื่อปูทางดำเนินไปสู่ความสัมพันธ์ในระดับปกติอย่างเป็นทางการในโอกาสแรกระหว่างกันต่อไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา เขียนโดย รองอธิบดีกรมเอเชียใต้ นะครับ รักษาการณ์แทนอธิบดีกรมเอเชียใต้ นะครับของกระทรวงการต่างประเทศ
       
       สโรชา - คือกระทรวงการต่างประเทศทำจดหมายมายังกองทัพบอกว่ามีข้อน่าสังเกต และน่าเป็นห่วงดังนี้ นั่นคือแอฟฟิกาใต้เขาไม่ค้ากับเรา ณ เวลานี้ เพราะเราไม่ได้เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และถ้าเกิดดันทุรังไปอาจจะมีการปฏิเสธจากรัฐบาล และรัฐสภาของเขาเพราะฉะนั้นไม่ควรเป็นอย่างนั้นจะให้เขาไปปฏิเสธทำไม แต่เราก็ประวิงเวลาไปก่อน
       
       ปานเทพ - เหตุผลกองทัพก็ตอบกลับนะครับ ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผลกองทัพก็ตอบกลับว่าตอนนี้เขาไม่ค้าขายระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลแล้ว เป็นเพียงแค่เอกชนซึ่งเป็นนายหน้าคนหนึ่งในประเทศไทย ยังมีอีกหลายเรื่องนะครับ เรื่องนายหน้าว่าใครเป็นใคร ความสัมพันธ์จะเป็นอย่างไร และทีนี้ปัญหาก็คือถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ จะมีปัญหาเรื่องอะไหล่ไหม
       
       สโรชา - มีแน่นอน
       
       ปานเทพ - ถ้ามีปัญหานะครับ จะรอประวิงเวลาไปอีกสักหน่อยเพื่อมีความเชื่อมั่นว่าต่อไปในเรื่องของอะไหล่และการซ่อมบำรุงจะได้รับความรับรองและมีมาตรฐานจะดีกว่าหรือไม่ อันนี้เป็นข้อพิจารณานะครับแต่สุดแท้แต่ ผมว่าคุณคำนูณคิดตรงกันว่าถ้าเป็นภาคใต้ งบประมาณขอให้คุ้มค่าอะไรที่ยังไม่พอใส่ไปให้เพียงพอไม่ว่า
       
       สโรชา - คือไม่ได้อยู่ที่เม็ดเงินที่ใช้
       
       ปานเทพ - ไม่ใช่เรื่องของปัญหาเม็ดเงินปัญหาอยู่ที่ว่า มันดีจริงหรือเปล่า ผมอยากจะหยิบยกภาพบางภาพซึ่งมีจดหมายร้องเรียนมาว่า ความที่เป็นโรงงานที่อิรักเนี่ย ทำให้หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า มันดีจริงหรือเปล่า ไปดูกันหน่อยมั้ย ภาพที่ 1 ท่านผู้ชมครับ ภาพที่เป็นโรงงานของที่แบกแดด อิรัก
       
       สโรชา - รถหุ้มเกราะ 4 คูณ 4 ที่ว่านี้
       
       ปานเทพ - ใช่ครับ ทีนี้ 4 คูณ 4 คุณแอ้มจะเห็นได้ว่า รูปร่างอย่างที่เป็นสี่เหลี่ยมที่ว่านี้ มันคล้ายๆเป็นเรือ รูปร่างคล้ายๆ แอ่นมีปลายแหลมข้างล่าง แล้วก็ค่อยๆโง้งขึ้นมา ทำให้มีความเชื่อว่า จะสามารถกันระเบิดได้ คุณแอ้มนึกออกใช่มั้ยฮะ ทีนี้เค้าก็บอกว่า ปัญหาคือว่าการสร้างมันมี 2 ตอน คือตอนหนึ่งเนี่ย คือส่วนที่อยู่ข้างบน ส่วนที่อยู่ข้างล่างเป็นอีกชิ้นนึง เหมือน 2 ส่วนประกอบชิ้นกัน ทำให้มีข้อสงสัยว่า มันจะแข็งแรงจริงมั้ย ภาพถัดไป อันนี้เป็นโรงงานที่เดียวกันที่กรุงแบกแดด ก็จะเห็นการต่อ และการเชื่อม โรงงานที่เราไม่ได้เห็นว่ามันทันสมัยตรงไหนเลย
       
       สโรชา - เหมือนเป็นโกดังนะ
       
       ปานเทพ - โกดัง แล้วก็เข้าไปเชื่อมกัน เอานะ ไม่เป็นไร อันนี้เป็นภาพที่ 2 ที่เอามาให้ดู
       
       ภาพที่ 3 นี่คือที่โดนระเบิดให้เห็นว่าสภาพโครงสร้างที่อยู่ส่วนชิ้นล่างที่ประกอบมาเนี่ย มันมีสภาอย่างไร ที่อิรักนะฮะ ที่โดนมาแล้ว
       
       ภาพที่ 4 ก็จะเห็นสภาพของรถที่โดนลักษณะเเบบเดียวกัน มันก็ไม่ได้ทนมากเท่าไหร่ หรือว่าทนระเบิดได้จริงๆ อย่างที่เค้าว่ากันว่า
       
       ภาพถัดไปครับ แม้กระทั่งในเรื่องของการชน การเกิดเพลิงไหม้ ก็มีโอกาสที่จะลาม และเกิดไฟไหม้ แม้กระทั่งส่วนที่เป็นโครงหรือว่ายางก็ตาม
       
       ภาพถัดไปครับ ส่วนที่อยู่ด้านบน ที่มีไฟลุก
       
       ภาพถัดไปครับ ก็จะเห็นได้ว่า มีลักษณะของการลามไปถึงล้อได้ ติดไฟได้
       
       ภาพถัดไปครับ นอกจากนี้แล้ว ข้างในก็มีปัญหาไม่สามารถจะป้องกันเพลิงได้เช่นเดียวกันภายใต้อุปกรณ์ที่มีอยู่ตอนนี้ ข้างในก็ติดไฟ ลามไปเป็นเชื้อเพลิงที่ติดง่าย
       
       ภาพถัดไปครับ ก็เป็นโครงสร้างให้เห็นสภาพเวลาเกิดความเสียหายที่อิรักว่าเป็นอย่างไร
       
       ภาพถัดไปครับ แม้กระทั่งล้อ หรือโครงก็ไม่เหลือ
       
       ภาพถัดไปครับ นี่ก็พอให้เห็นภาพทั้งหมด จะพอให้เห็นว่า มันแข็งแรงและปลอดภัยจริงหรือเปล่า แต่ผมคิดว่า ไม่เป็นไรหรอก เพราะว่านี่เป็นหนังสือที่มีการร้องเรียนขอให้เกิดความชัดเจน แต่ถ้าจะเกิดมีคนร้องเรียนแล้วทำให้ทุกคนสบายใจ เราอยากได้ของดี กองทัพอธิบาย ชี้แจง และพูดถึงประเด็นเหล่านี้ทำให้เกิดความสบายใจอีกครั้งหนึ่ง กับปัญหาที่เราจะไปใช้ทางภาคใต้ ผมว่าก็จะเป็นเรื่องดีนะครับ
       
       สโรชา - เพราะว่าแน่นอนว่า คือเราทุกคนต้องช่วยกันตรวจสอบ ช่วยกันดู ช่วยกันเสาะหา และช่วยกันพิสูจน์ว่าสิ่งที่จะนำไปให้ทหารที่ภาคใต้ ที่ทำงานด้วยความยากเย็นลำบากแสนเข็ญอยู่แล้วเนี่ย ได้รับอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับพวกเขาที่จะสามารถปกป้องกันชีวิตเค้าได้จริงตามนั้นก็ ถ้าเกิดกองทัพจะตรวจสอบสิ่งที่เราคาใจในสิ่งที่เค้าร้องเรียนมา ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ประเสริฐ
       
       ปานเทพ - ดีครับ ทำให้เกิดความชัดเจน
       
       สโรชา - วันนี้ พระราชกฤษฎีกาได้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จะประกาศใช้ตั้งแต่พรุ่งนี้ วันที่ 25 ก็คือเที่ยงคืนของวันนี้ เพราะฉะนั้นคุณผู้ชมที่เห็นสปอตโฆษณาของพรรคการเมือง การประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรคการเมืองต่างๆจะหมดไปในค่ำคืนนี้ตั้งแต่เที่ยงคืนเป็นต้นไป กกต.เค้าบังคับกฎเกณฑ์ครั้งนี้ค่อนข้างที่จะเข้มงวดพอสมควร เพราะว่าสปอตโฆษณาการออกรายการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสื่อโทรทัศน์ หรือวิทยุนั้น ห้ามโดยเด็ดขาด บิลบอร์ดที่เห็นตามทางด่วน โทลเวย์ มอเตอร์เวย์ ก็จะไม่เห็นแล้วตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป การที่จะหาเสียงนั้น ครั้งนี้เจตนารมณ์ก็คือ ต้องการให้ผู้สมัคลงพื้นที่จริงๆ เพราะฉะนั้นคุณผู้ชมจะได้เห็นว่า ว่าที่ผู้สมัครลงพื้นที่จริงๆ มาเจอกันเลย มาคุยกันว่าสิ่งที่เค้าอยากจะนำเสนอในการจัดตั้งรัฐบาลนี้คืออะไรกันแน่ และจุดเด่นของนโยบายต่างๆเค้าคืออะไร
       
       สโรชา -วันนี้คุณไพศาล พืชมงคล พูดได้น่าสนใจค่ะ แนะนำว่าในเมื่อพระราชกฤษฎีกานั้น มีผลบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้ บรรดาว่าที่ผู้สมัครทั้งหลายที่ว่าเห็นกันตาม สนช.มีหลายต่อหลายท่านที่เป็น สนช.อยู่ ณ เวลานี้ ก็ต้องไปเร่งหาเสียงเพื่อสมัครรับเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 23 ธันวาคม ก็ควรจะลาออกซะ เพื่อความเหมาะสม คุณไพศาล บอกว่า ก็ไหนๆจะต้องไปทำหน้าที่ตรงนั้นแล้ว คุณจะให้มันคาราคาซังทำไมตั้ง 2 หน้าที่ คุณกินเงินภาษีประชาชนเดือนละแสนกว่าบาท และก็คงไม่ได้ทำเต็มตัว เพราะว่าต้องไปหาเสียง ก็ลาออกจากตรงนี้ซะ และก็ค่อยไปหาเสียงอย่างสบายใจดีกว่า
       
       ปานเทพ - คุณไพศาล พูดอีกเรื่องหนึ่งก็คือ เรื่องของ พ.ร.บ.เงินตรา และความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟู และพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่เสียหายจำนวนมากๆ ด้วยนะครับว่า มันเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงชดใช้ได้น้อยลง มันเกิดความเสียหายจากตรงไหนขอให้ชี้แจงให้สักหน่อยได้ไหม ในฐานะที่เป็นแบงก์ชาติเพราะมันเกี่ยวข้องกับการแก้ไข พรบ.เงินตรา ในอนาคตด้วยนะครับ
       
       สโรชา - วันนี้ก็มีข่าวคราวที่ฝากคุณผู้ชมกันตามนี้คะ สักนิดหนึ่งสั้นๆ ก่อนที่จะจบรายการวันนี้มีข้อเสนอมาจากพรรคพลังประชาชน มาจากคุณนพดล ปัทมะ ในฐานะรองเลขาธิการพรรค บอกว่าเป็นไปได้ไหมละ ถาม กกต. ว่าจะเชิญคุณทักษิณ ชินวัตร มาเป็นที่ปรึกษาของพรรคพลังประชาชนได้หรือไม่ เราไปถาม กกต. ซึ่งก็ได้รับคำตอบมานะคะว่าถ้าเกิดไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค ไม่ได้มีตำแหน่งทางด้านการเมืองก็ถือเป็นเรื่องที่ทำได้ เพราะฉะนั้นคงจะเห็นอีกไม่กี่วันนี้ที่จะมีการแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาเป็นที่ปรึกษาของพรรคพลังประชาชน
       
       ปานเทพ - ชัดเจน ชัดเจนจริงๆ
       
       สโรชา - เขาชัดมาตั้งนานแล้ว แค่ชัดขึ้นจะเป็นไรไป เขาจะทำวีซีดีมาแจกด้วยชีวิตของเขาที่ลอนดอนเป็นอย่างไรบ้าง เขาบอกจะนำเสนอคุณทักษิณ ในภาพลักษณ์การบริหารสโมสรแมนเชตเตอร์ซิตี้ที่ตอนนี้ได้รับความนิยมอย่างมากๆ ว่าประสบความสำเร็จในพรีเมียร์ลีกอย่างไรบ้าง ก็จะนำมาให้ประชาชนได้รับทราบกันเพื่อน้องๆ ที่ดูแล้วจะเป็นแรงบันดาลใจที่อยากจะเป็นนักฟุตบอลระดับชาติ ระดับโลกกับเขาบ้างก็ต้องรอดูสำหรับวีซีดี คิดว่าคงไม่นานเกินรอก็คงจะได้ชมภาพกัน
       
       ปานเทพ - และขอเชิญชาว คมช. และรัฐบาลเผชิญหน้ากับคุณทักษิณเอาเองนะครับ
       
       สโรชา - ใช่ ก็ดีๆจัดการเอาเองแล้วกันคะ เขามีวีซีดีอะไรมาประชาสัมพันธ์กัน ก็ว่ากันไปตามนั้นเราก็เฝ้าดูเหตุการณ์ ยังเป็นยามเฝ้าแผ่นดินอย่างแท้จริง หมดเวลาแล้วคะ พบกับเรา 2 คน ในวันพรุ่งนี้นะคะ สวัสดีคะ/สวัสดีครับ

แฉ “นิติภูมิ” พยาน “แม้ว” เบอร์ 2 คดีปฏิญญาฟินแลนด์ - ติง “บิ๊กแอ้ด” ขโมยซีน “เอกสารลับ” ตีตัวออกห่าง คมช.
       

แฉ “นิติภูมิ” พยาน “แม้ว” เบอร์ 2 คดีปฏิญญาฟินแลนด์ - ติง “บิ๊กแอ้ด” ขโมยซีน “เอกสารลับ” ตีตัวออกห่าง คมช.
       

แฉ “นิติภูมิ” พยาน “แม้ว” เบอร์ 2 คดีปฏิญญาฟินแลนด์ - ติง “บิ๊กแอ้ด” ขโมยซีน “เอกสารลับ” ตีตัวออกห่าง คมช.
       

แฉ “นิติภูมิ” พยาน “แม้ว” เบอร์ 2 คดีปฏิญญาฟินแลนด์ - ติง “บิ๊กแอ้ด” ขโมยซีน “เอกสารลับ” ตีตัวออกห่าง คมช.
       

จำนวนคนโหวต 26 คน
คุณเห็นด้วยกับข่าว/บทความนี้หรือไม่
เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย
เห็นด้วย 21 คน
81 %
ไม่เห็นด้วย 5 คน
19 %
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นผ่านบัญชีของเฟซบุกได้แล้ววันนี้ กดที่ปุ่มด้านล่างนี้เลย!

 
หนังสือพิมพ์: ผู้จัดการออนไลน์ | ผู้จัดการรายวัน | ผู้จัดการสุดสัปดาห์ | นิตยสารผู้จัดการ 360° | Positioning | News1
มุม: การเมือง | อาชญากรรม | คุณภาพชีวิต | ภูมิภาค | ภาคใต้ | ต่างประเทศ | มุมจีน | iBiz Channel | Motoring
CyberBiz | วิทยาศาสตร์ | เกม | กีฬา | บันเทิง | Life on Campus | Celeb Online | ท่องเที่ยว | ธรรมะกับชีวิต | Multimedia
เว็บ: Asia Times | บุรพัฒน์ คอมมิคส์ | Mars Magazine | ทะเลไทย | คุยกับเว็บมาสเตอร์ | Site Map | โฆษณาบนเว็บ | ติดต่อเรา
All site contents copyright ©1999-2016